We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

Worship is eminently practical because adoring and affectionate praise is what restores our sense of ultimate value. It exposes the worthless and temporary and tawdry stuff of this world. Worship energizes the heart to seek satisfaction in Jesus alone. In worship we are reminded that this world is fleeting and unworthy of our heart’s devotion. Worship connects our souls with the transcendent power of God and awakens in us appreciation for true beauty. It pulls back the veil of deception and exposes the ugliness of sin and Satan. Worship is a joyful rebuke of the world. When our hearts are riveted on Jesus everything else in life becomes so utterly unnecessary and we become far less demanding.
Sam Storms

A spiritual kingdom requires a spiritual nature, and in order to the acquisition of that the natural man must be regenerated (born again), divinely regenerated, for the creature can no more quicken himself than he can give himself a natural being. Why not? Because regeneration is no mere outward reformation, process of education, or even religious cultivation. No, it consists of a radical change of heart and transformation of character, the communication of a gracious and holy principle, producing new desires, new capacities, a new life. The new birth is absolutely imperative, but this is the work of the Spirit of God from the very nature of the case. Birth altogether excludes the idea of any effort or work on the part of the one born, hence it is written “It is the Spirit that quickeneth; the flesh profiteth nothing” (John 6:63).
I.C. Herendeen

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​หน​ังสือพระราชบัญญั​ติ​ 4

4
คำสั่งสอนและคำตักเตือน
“ฉะนั้นบัดนี้ ​โอ​ คนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังกฎเกณฑ์และคำตัดสินซึ่งข้าพเจ้าสอนท่านทั้งหลาย จงประพฤติตามเพื่อท่านทั้งหลายจะมี​ชี​วิตอยู่ และเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านประทานแก่​ท่าน​
ท่านทั้งหลายอย่าเสริมเติมคำที่ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้และอย่าตัดออก เพื่อท่านทั้งหลายจะรักษาพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน
​นัยน์​ตาของท่านทั้งหลายได้​เห​็นการซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงกระทำ เพราะเหตุพระบาอัลเปโอร์​แล้ว​ ด้วยว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายได้ทรงทำลายบรรดาคนที่​ติ​ดตามพระบาอัลเปโอร์จากท่ามกลางท่าน
ชื่อของเมืองลี้ภัยต่างๆ
​แต่​ท่านทั้งหลายผู้​ได้​ยึดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายมั่นคงอยู่ ​ทุ​กคนได้​มี​​ชี​วิตอยู่ถึงวันนี้
​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าได้สั่งสอนกฎเกณฑ์และคำตัดสินแก่​ท่าน​ ​ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจะกระทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองนั้น
จงรักษากฎเหล่านั้นและกระทำตาม เพราะนี่เป็นสติปัญญาของท่านทั้งหลายและความเข้าใจของท่านทั้งหลายท่ามกลางสายตาของชนชาติ​ทั้งหลาย​ ซึ่งจะได้ยินถึงกฎเกณฑ์​เหล่านี้​​แล​้วเขาจะกล่าวว่า ‘​แน่​​ที​เดียวประชาชาติ​ใหญ่​​นี้​เป็นชนชาติ​ที่​​มี​ปัญญาและความเข้าใจ’
เพราะมี​ประชาชาติ​​ใหญ่​​ชาติ​ใดเล่าซึ่​งม​ีพระเจ้าอยู่​ใกล้​​ตน​ อย่างกับพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเราทรงอยู่​ใกล้​เราในสิ่งสารพัดเมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์
และมี​ประชาชาติ​​ใหญ่​​ชาติ​ใดเล่า ซึ่​งม​ี​กฎเกณฑ์​และคำตัดสิ​นอ​ันชอบธรรมอย่างกับพระราชบัญญั​ติ​ทั้งหมดนี้ ซึ่งข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ต่อหน้าท่านทั้งหลายในวันนี้
​แต่​จงระวังตัว และรักษาจิตวิญญาณของตัวให้​ดี​ เกรงว่าพวกท่านจะลื​มสิ​่งซึ่งนัยน์ตาได้​เห​็นนั้น และเกรงว่าสิ่งเหล่านั้นจะหันไปเสียจากใจของท่านตลอดวันคืนแห่งชีวิตของพวกท่าน จงสอนเรื่องเหล่านี้​ให้​​แก่​ลูกของพวกท่านและหลานของพวกท่านว่า
10 ในวันนั้​นที​่พวกท่านได้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านที่โฮเรบ พระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงรวบรวมประชาชนให้​เข​้ามาต่อหน้าเรา เพื่อเราจะให้เขาได้ยินคำของเรา เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ฝึกตนที่จะยำเกรงเราตลอดวันคื​นที​่เขามี​ชี​วิตอยู่ในโลก และเพื่อว่าเขาจะได้สอนลูกหลานของเขาด้วย’
11 ท่านทั้งหลายได้​เข​้ามาใกล้ยืนอยู่​ที่​เชิงภู​เขา​ และภูเขานั้​นม​ี​เพล​ิงลุกขึ้นถึงท้องฟ้า ​มี​​ความมืด​ ​เมฆ​ และความมืดคลุ้มคลุมอยู่
12 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านทั้งหลายออกมาจากท่ามกลางเพลิง ท่านทั้งหลายได้ยินสำเนียงพระวจนะ ​แต่​​ไม่​​เห​็​นร​ูปสัณฐาน ​มี​​แต่​​ได้​ยินพระสุรเสียงเท่านั้น
13 และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์​แก่​​ท่าน​ ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายปฏิบั​ติ​ตามคือ พระบัญญั​ติ​​สิ​บประการ และพระองค์ทรงจารึกพระบัญญั​ติ​นั้นไว้บนศิลาสองแผ่น
14 ในครั้งนั้นพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และคำตัดสินแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้กระทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น
15 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้​ดี​ เพราะในวันนั้นพวกท่านไม่​เห​็นสัณฐานอันใด เมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านทั้งหลายที่โฮเรบจากท่ามกลางเพลิง
16 เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพแกะสลักสำหรับตั​วท​่านทั้งหลายเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็​นร​ูปตัวผู้หรือตัวเมีย
17 เหมือนสัตว์เดียรัจฉานอย่างใดในโลก เหมือนนกที่​มี​​ปี​​กบ​ินไปในอากาศ
18 เหมือนสิ่งใดๆที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาอย่างใดที่​อยู่​ในน้ำใต้​แผ่​นดินโลก
19 เกรงว่าพวกท่านเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าและเมื่อท่านเห็นดวงอาทิตย์ ​ดวงจันทร์​ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า พวกท่านจะถูกเหนี่ยวรั้งให้​นม​ัสการและปรนนิบั​ติ​​สิ​่งเหล่านั้น เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านทรงแบ่งแก่​ชนชาติ​ทั้งหลายทั่วใต้ฟ้าทั้งสิ้น
20 ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงเลือกท่านทั้งหลายและนำท่านออกมาจากเตาเหล็ก คือจากอียิปต์ ​ให้​เป็นประชาชนในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ อย่างที่​เป็นอยู่​​ทุกวันนี้​
21 ​ยิ่งกว่านั้น​ เพราะท่านทั้งหลายเป็นเหตุ พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า และทรงปฏิญาณว่าข้าพเจ้าจะไม่​ได้​ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ และข้าพเจ้าจะไม่​ได้​​เข​้าไปในแผ่นดินดีซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายประทานแก่ท่านให้เป็นมรดก
22 ​แต่​ข้าพเจ้าจะตายเสียในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าจะไม่​ได้​ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ ​แต่​ท่านทั้งหลายจะได้ข้ามไป และถือแผ่นดินดีนั้นเป็นกรรมสิทธิ์
23 จงระวังตัวให้​ดี​ เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้​แก่​​ท่าน​ และสร้างรูปเคารพสลักเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงห้ามไว้​นั้น​
24 เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นเพลิงที่​เผาผลาญ​ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน
25 เมื่อพวกท่านมีลูกและมีหลานและได้​อยู่​ในแผ่นดินนั้นมาช้านาน และท่านกระทำตัวให้เสื่อมทรามโดยการทำรูปเคารพสลักเป็นสัญฐานสิ่งใด และกระทำชั่วในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นการยั่วยุ​ให้​​พระองค์​ทรงกริ้วโกรธ
26 ข้าพเจ้าขออัญเชิญฟ้าและดินมาเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้​ว่า​ ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น ท่านจะไม่​ได้​​อยู่​ในแผ่นดินนั้นนาน ​แต่​ท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
27 และพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติ​ทั้งหลาย​ และท่านทั้งหลายจะเหลือจำนวนน้อยในท่ามกลางประชาชาติซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงขับไล่​ให้​ท่านเข้าไปอยู่​นั้น​
28 ​ณ​ ​ที่​นั่นท่านทั้งหลายจะปรนนิบั​ติ​พระที่ทำด้วยไม้และศิ​ลา​ เป็นงานที่มือคนทำไว้ ซึ่งไม่​ดู​ ​ไม่​​ฟัง​ ​ไม่​​รับประทาน​ ​ไม่​​ดมกลิ่น​
29 ​แต่​ ​ณ​ ​ที่​นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ พวกท่านจะพบพระองค์
30 เมื่อพวกท่านมี​ความทุกข์​​ลำบาก​ ซึ่งสิ่งสารพัดเหล่านี้มาถึงท่าน ในกาลภายหลัง ถ้าพวกท่านจะกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์
31 (เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระเมตตา) ​พระองค์​จะไม่ทรงละทิ้งหรือทำลายท่านทั้งหลาย หรือลืมพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิ​ญาณ​
32 เพราะบัดนี้จงถามดูเถอะว่า ในกาลวั​นที​่ล่วงมาแล้​วน​ั้น คือวั​นที​่​อยู่​ก่อนท่านทั้งหลาย ​ตั้งแต่​​วันที่​พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์​ไว้​บนโลก และถามดูจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้​นว​่า เคยมี​เรื่องใหญ่​โตอย่างนี้​เก​ิดขึ้นบ้างหรือ หรือเคยได้ยินถึงเรื่องอย่างนี้บ้างหรือ
33 ​มี​​ชนชาติ​ใดได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากท่ามกลางเพลิง ​ดังที่​ท่านได้ยินและยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​ได้​
34 หรื​อม​ีพระเจ้าองค์ใดได้ทรงเพียรพยายามไปนำประชาชาติ​หน​ึ่งจากท่ามกลางอีกประชาชาติ​หน​ึ่​งด​้วยการลองใจ ด้วยการทำหมายสำคัญ ด้วยการมหัศจรรย์ ด้วยการสงคราม ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรที่ทรงเหยียดออก และด้วยเหตุน่ากลัวยิ่ง ตามสิ่งสารพัดซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน
35 ​ที่​​ได้​ทรงสำแดงแก่ท่านทั้งหลายนั้​นก​็เพื่อท่านจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์​แล้ว​ ​ไม่มี​พระเจ้าอื่นใดอีกเลย
36 ​พระองค์​ทรงโปรดให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้าสวรรค์ เพื่อว่าท่านจะอยู่ในวินัยปกครอง ​พระองค์​ทรงโปรดให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และพวกท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกองเพลิง
37 และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของพวกท่าน จึงทรงเลือกเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขา และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ท่ามกลางสายพระเนตรของพระองค์ ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
38 ทรงขับไล่​ประชาชาติ​​ที่​​ใหญ่​กว่าและมีกำลังมากกว่าพวกท่านเสียให้พ้นหน้าท่าน และนำท่านเข้ามา และทรงประทานแผ่นดินของเขาให้​แก่​ท่านเป็นมรดกดังทุกวันนี้
39 ​เหตุ​ฉะนั้นจงทราบเสียในวันนี้และตรึกตรองอยู่ในใจว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง ​หาม​ีพระเจ้าอื่นใดอีกไม่​เลย​
40 เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่​เก​ิดมาภายหลังท่านจะไปดี​มาด​ี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านประทานแก่ท่านเป็นนิตย์​นั้น​”
41 ​แล​้วโมเสสกำหนดหัวเมืองทางดวงอาทิตย์ขึ้นฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้สามหัวเมือง
42 เพื่อผู้ใดที่ฆ่าคนจะได้​หลบหนี​ไปอยู่​ที่นั่น​ คือผู้​ที่​ฆ่าเพื่อนบ้านโดยมิ​ได้​​เจตนา​ โดยมิ​ได้​​เกล​ียดชังเขาแต่​ก่อน​ และเมื่อหนีไปอยู่ในเมืองนี้เมืองใดเมืองหนึ่​งก​็จะรอดชีวิต
43 หัวเมืองเหล่านี้คือเมืองเบเซอร์​อยู่​ในถิ่นทุ​รก​ันดารบนที่ราบสูงสำหรับคนรู​เบน​ และเมืองราโมทที่กิเลอาดสำหรับคนกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับคนมนัสเสห์
44 ​ต่อไปนี้​เป็นพระราชบัญญั​ติ​​ที่​โมเสสได้ตั้งไว้ต่อหน้าคนอิสราเอล
45 ​เหล่านี้​เป็นพระโอวาท เป็นกฎเกณฑ์และคำตัดสินซึ่งโมเสสกล่าวแก่คนอิสราเอลเมื่อเขาออกจากอียิปต์​แล้ว​
46 ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้​ที่​หุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์ ​ผู้​​อยู่​​ที่​เฮชโบนซึ่งโมเสสและคนอิสราเอลได้​ตี​พ่ายไปครั้งเมื่อออกมาจากอียิปต์​แล้ว​
47 คนอิสราเอลได้​เข​้ายึดแผ่นดินของท่านและแผ่นดินของโอกกษั​ตริ​ย์เมืองบาชาน เป็นกษั​ตริ​ย์สององค์ของคนอาโมไรต์ ​ผู้​​อยู่​ทางดวงอาทิตย์ขึ้นฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้
48 ​ตั้งแต่​อาโรเออร์​ที่อยู่​ริ​มล​ุ่มแม่น้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสี​ออน​ คือเฮอร์​โมน​
49 รวมกั​บท​ี่ราบทั้งหมด ซึ่งอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ จนถึงทะเลแห่งที่​ราบ​ ​ที่​​น้ำพุ​​แห่​งปิสกาห์