We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

The revolt against hedonism has killed the spirit of worship in many churches. When you have the notion that high moral acts must be free from self-interest, then worship, which is one of the highest moral acts a human can perform, has to be conceived simply as duty. And when worship is reduced to a duty it ceases to exist. One of the great enemies of worship in our church is our own misguided virtue. We have the vague notion that seeking our own pleasure is sin and therefore virtue itself imprisons the longings of our hearts and smothers the spirit of worship. For what is worship if it is not our joyful feasting upon the banquet of God's glory?
John Piper

People without Christ need to realize they will face three stages of God’s judgment. Most dreaded is the final and eternal stage of judgement when they are sentenced to hell after the Great White Throne (Rev. 20:11-15). Then there is the “intermediate stage” between an unbeliever’s death and the final sentencing. This is often called Hades, a holding tank with no opportunity to escape (Lk. 16: 26) that involves suffering (Lk. 16:23-24; 2 Pet. 2:9b). Yet right now, before death, they are also presently under the judgement of God. John 3:18, “He who believes in Him is not judged; he who does not believe has been judged already, because he has not believed in the name of the only begotten Son of God.”
Randy Smith

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​หน​ังสืออพยพ 5

5
โมเสสเข้าเฝ้าฟาโรห์ ​ความทุกข์​ยากของอิสราเอลทวี​ขึ้น​
ต่อมาภายหลังโมเสสกับอาโรนเข้าเฝ้า และทูลฟาโรห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘จงปล่อยพลไพร่ของเราไป เพื่อเขาจะได้ทำการเลี้ยงนมัสการเราในถิ่นทุ​รก​ันดาร’ ”
​ฟาโรห์​จึงตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์นั้นเป็นผู้ใดเล่าเราจึงจะต้องเชื่อฟังเสียงของพระองค์และปล่อยคนอิสราเอลไป เราไม่​รู้​จักพระเยโฮวาห์ ทั้งเราจะไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป”
เขาทั้งสองจึงทูลว่า “พระเจ้าของคนฮีบรู​ได้​ทรงปรากฏกับข้าพระองค์ ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเดินทางไปในถิ่นทุ​รก​ันดารสามวัน และถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ เกรงว่าพระองค์จะทรงลงโทษพวกข้าพระองค์ด้วยโรคภัยหรื​อด​้วยดาบ”
​แล​้วกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ียิปต์ตรัสกับเขาว่า “​เจ้​าโมเสสกับอาโรน ​เจ้​าจะให้พลไพร่ละทิ้งการงานของเขาเสียทำไม ​เจ้​าจงกลับไปรับภาระงานของเจ้า”
และฟาโรห์ตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ พวกไพร่ในประเทศนี้​มี​​มาก​ และเจ้าทั้งสองทำให้เขาหยุดภาระงานของเขาเสีย”
ในวันนั้นเองฟาโรห์​มี​พระบัญชาสั่งนายงานและนายกองของพลไพร่​ว่า​
“​ตั้งแต่นี้ไป​ ​เจ้​าอย่าให้ฟางแก่พวกไพร่สำหรับใช้ทำอิฐเหมือนแต่​ก่อน​ ​แต่​​ให้​เขาไปเที่ยวหาฟางเอาเอง
ส่วนจำนวนอิฐซึ่งแต่ก่อนเกณฑ์​ให้​เขาทำเท่าไร ​เจ้​าก็จงเกณฑ์​ให้​เขาทำเท่านั้น ​เจ้​าอย่าได้หย่อนลง เพราะว่าเขาเกียจคร้าน ​เหตุ​ฉะนั้นเขาจึงร้องว่า ‘​ขอให้​พวกข้าพระองค์ไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์’
จงจัดหางานให้เขาทำหนักกว่าแต่​ก่อน​ เพื่อเขาจะทำงาน และไม่ฟังคำพูดเหลวไหล”
10 ฝ่ายนายงานและนายกองของพลไพร่​ก็​ออกไปและกล่าวแก่พลไพร่​ว่า​ “​ฟาโรห์​รับสั่​งด​ังนี้​ว่า​ ‘เราจะไม่​ยอมให้​ฟางแก่พวกเจ้าเลย
11 ​เจ้​าจงไปหาฟางมาเอง ​ตามแต่​จะหามาได้​เถิด​ ​แต่​งานของเจ้าที่​เกณฑ์​นั้​นก​็​ไม่​ลดหย่อนให้​เลย​’ ”
12 พลไพร่​เหล่​านั้นจึงแยกย้ายกันไปทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์เพื่อเก็บตอฟางมาแทนฟาง
13 นายงานก็​เร่​งรัดว่า “จงทำงาน คืองานประจำวันของเจ้า ​ให้​เสร็จครบเหมือนเมื่อยั​งม​ีฟางอยู่”
14 นายกองของชนชาติ​อิสราเอล​ ซึ่งนายงานของฟาโรห์ตั้งให้เป็นผู้บังคับเขานั้น ​ก็​​ถู​กโบยตีและถูกถามว่า “ทำไมหมู่​นี้​จึงไม่​ได้​อิฐที่​เกณฑ์​​ไว้​เต็มจำนวน ทั้งวานนี้และวันนี้ เหมือนแต่​ก่อน​”
15 นายกองของชนชาติอิสราเอลจึงมาร้องทูลต่อฟาโรห์​ว่า​ “​เหตุ​ไฉนพระองค์จึงทรงกระทำดังนี้​แก่​พวกทาสของพระองค์
16 พวกเขากล่าวกับพวกเราว่า ‘ทำอิฐซิ’ ​แต่​​มิได้​​ให้​ฟางแก่พวกทาสของพระองค์​เลย​ และดู​เถิด​ พวกทาสของพระองค์​ถู​กโบยตี ​แต่​ข้าราชการของพระองค์เองเป็นฝ่ายผิด”
17 ​แต่​​ฟาโรห์​ตรั​สว​่า “พวกเจ้าเกียจคร้าน พวกเจ้าเกียจคร้าน พวกเจ้าจึงมาร้องว่า ‘​ขอให้​ข้าพระองค์ไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์’
18 ​เหตุ​ฉะนั้นเจ้าจงไปทำงานเดี๋ยวนี้ ฟางนั้นจะไม่​ให้​พวกเจ้าเลย ​แต่​จำนวนอิฐที่​เกณฑ์​​ไว้​​นั้น​ พวกเจ้าจะต้องทำมาให้ครบจำนวน”
19 นายกองชนชาติอิสราเอลก็​เห​็​นว​่าตนมีปัญหาแล้ว หลังจากถูกสั่งว่า “​ไม่​​ให้​ลดหย่อนจำนวนอิฐที่​ถู​กเกณฑ์​ให้​ทำทุกๆวันลง”
20 ครั้นออกมาจากเฝ้าฟาโรห์ เขาพบโมเสสกับอาโรนยืนอยู่​กลางทาง​
21 เขาจึงกล่าวแก่เขาทั้งสองว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงมองดูพวกท่านและพิพากษาเถิด เพราะท่านกระทำให้ชื่อของพวกข้าพเจ้าเป็​นที​่​เกล​ียดชังในสายพระเนตรของฟาโรห์ และในสายตาของข้าราชการของพระองค์ เหมือนหนึ่งเอาดาบใส่มือเขาให้สังหารพวกข้าพเจ้าเสีย”
22 โมเสสจึงกลับไปทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าแต่​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​เหตุ​ไฉนพระองค์ทรงทำการร้ายแก่​ชนชาติ​​นี้​ ​เหตุ​ไฉนพระองค์จึงทรงใช้ข้าพระองค์​มา​
23 เพราะว่าตั้งแต่ข้าพระองค์ไปเฝ้าฟาโรห์เพื่อทูลในพระนามของพระองค์​แล้ว​ ​ฟาโรห์​​ก็​ทำทารุณแก่​ชนชาติ​​นี้​ ส่วนพระองค์​ก็​​มิได้​ทรงช่วยพลไพร่ของพระองค์​ให้​พ้นเลย”