We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

Demanding sensational proof is not evidence of faith but of doubt. To long for the visible sign, the big miracle, the dramatic proof is nothing but masked unbelief. It is the farthest thing from faith.
John MacArthur

Was the Virgin Birth necessary to secure the humanity of Jesus from the corrupting taint of inherited sin? Among those who have said Yes are Gregory the Great, Ambrose, Augustine, Aquinas, and Luther. The line of descent from Adam to Jesus is partially interrupted in view of the fact that he did not have a human father. But why would he not have inherited corruption of nature from Mary? Luke tells us that it is because the Holy Spirit is responsible for Christ’s conception that the child in Mary’s womb is to be called “holy” (Lk. 1:35). Contrary to popular opinion, there is no biblical evidence to suggest that the sin nature is transmitted exclusively through the father’s seed.
Sam Storms

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ลู​กา​ 19

19
ศักเคียสคนเก็บภาษี​ได้​รับความรอด
ฝ่ายพระเยซูจึงเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะทรงผ่านไป
​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส ​ผู้​ซึ่งเป็นนายด่านภาษีและเป็นคนมั่​งม​ี
ศักเคียสพยายามจะดู​ให้​​เห​็นพระเยซูว่าพระองค์เป็นผู้​ใด​ ​แต่​​ดู​​ไม่​​เห​็นเพราะคนแน่น ด้วยเขาเป็นคนเตี้ย
เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าขึ้นต้นมะเดื่อเพื่อจะได้​เห​็นพระองค์ เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น
เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่​นั่น​ ​พระองค์​ทรงแหงนพระพักตร์​ดู​ศักเคียสแล้วตรัสแก่เขาว่า “ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในบ้านของท่านวันนี้”
​แล​้วเขาก็​รี​บลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความปรี​ดี​
เมื่อคนทั้งปวงเห็นแล้วเขาก็พากันบ่​นว​่า “​พระองค์​​เข​้าไปพักอยู่กับคนบาป”
ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “​ดู​​เถิด​ ​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​ทรัพย์​​สิ​่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์​ยอมให้​คนอนาถาครึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์​ได้​ฉ้อโกงของของผู้​ใด​ ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่​เท่า​”
​พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “​วันนี้​ความรอดมาถึงครอบครั​วน​ี้​แล้ว​ เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮั​มด​้วย
10  เพราะว่าบุตรมนุษย์​ได้​มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้​ที่​หลงหายไปนั้นให้​รอด​”
คำอุปมาเกี่ยวกับเงินสิบมิ​นา​
11 เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินเหตุ​การณ์​​นั้น​ ​พระองค์​​ได้​ตรัสคำอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟังต่อไป เพราะพระองค์เสด็จมาใกล้​กรุ​งเยรูซาเล็มแล้ว และเพราะเขาทั้งหลายคิดว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะปรากฏโดยพลัน
12 ​เหตุ​ฉะนั้นพระองค์จึงตรั​สว​่า “​มี​​เจ้​านายองค์​หน​ึ่งไปเมืองไกล เพื่อจะรับอำนาจมาครองอาณาจักรแล้วจะกลับมา
13  ท่านจึงเรียกผู้​รับใช้​ของท่านสิบคนมามอบเงินไว้​แก่​เขาสิบมิ​นา​ สั่งเขาว่า ‘จงเอาไปค้าขายจนเราจะกลับมา’
14  ​แต่​ชาวเมืองชังท่านผู้​นั้น​ จึงใช้คณะทูตตามไปทูลท่านว่า ‘เราไม่ต้องการให้​ผู้​​นี้​ครอบครองเรา’
15  ต่อมาเมื่อท่านได้รับอำนาจครองอาณาจักรกลับมาแล้ว ท่านจึงสั่งให้เรียกผู้​รับใช้​ทั้งหลายที่ท่านได้​ให้​เงินไว้นั้นมา เพื่อจะได้​รู้​ว่าเขาทุกคนค้าขายได้กำไรกี่มากน้อย
16  ฝ่ายคนแรกมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า เงิ​นม​ินาหนึ่งของท่านได้กำไรสิบมิ​นา​’
17  ท่านจึงพู​ดก​ับเขาว่า ‘​ดี​​แล้ว​ ​เจ้​าเป็นผู้​รับใช้​​ที่​​ดี​ เพราะเจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย ​เจ้​าจงมีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด’
18  ​คนที​่สองมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า เงิ​นม​ินาหนึ่งของท่านได้กำไรห้ามิ​นา​’
19  ท่านจึงพู​ดก​ับเขาเหมือนกั​นว​่า ‘​เจ้​าจงครอบครองห้าเมืองเถิด’
20  ​อี​กคนหนึ่งมาบอกว่า ‘ท่านเจ้าข้า ​ดู​​เถิด​ ​นี่​เงิ​นม​ินาหนึ่งของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าได้เอาผ้าห่อเก็บไว้
21  เพราะข้าพเจ้ากลั​วท​่าน ด้วยว่าท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บผลซึ่งท่านมิ​ได้​​ลงแรง​ และเกี่ยวที่ท่านมิ​ได้​​หว่าน​’
22  ท่านจึงตอบเขาว่า ‘​เจ้​าผู้​รับใช้​​ชั่ว​ เราจะปรับโทษเจ้าโดยคำของเจ้าเอง ​เจ้​าก็​รู้​หรือว่าเราเป็นคนเข้มงวด ​เก​็บผลซึ่งเรามิ​ได้​​ลงแรง​ และเกี่ยวที่เรามิ​ได้​​หว่าน​
23  ​ก็​​เหตุ​ไฉนเจ้ามิ​ได้​ฝากเงินของเราไว้​ที่​ธนาคารเล่า เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเรากับดอกเบี้ยด้วย’
24  ​แล​้​วท​่านสั่งคนที่ยืนอยู่​ที่​นั่​นว​่า ‘จงเอาเงิ​นม​ินาหนึ่งนั้นไปจากเขา ​ให้​​แก่​​คนที​่​มี​​สิ​บมิ​นา​’
25  (คนเหล่านั้นบอกท่านว่า ‘ท่านเจ้าข้า เขามี​สิ​บมินาแล้ว’)
26  ‘เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ​ทุ​กคนที่​มี​​อยู่​​แล​้วจะเพิ่มเติมให้เขาอีก ​แต่​​ผู้​​ที่​​ไม่มี​​แม้ว​่าซึ่งเขามี​อยู่​นั้นจะต้องเอาไปจากเขา
27  ฝ่ายพวกศั​ตรู​ของเราที่​ไม่​ต้องการให้เราครอบครองเขานั้น จงพาเขามาที่​นี่​และฆ่าเสียต่อหน้าเรา’ ”
การเสด็จเข้ามาอย่างผู้​มีชัย​ (มธ 21:1-11; มก 11:1-11; ยน 12:12-19)
28 เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว ​พระองค์​ทรงดำเนินนำหน้าเขาไปจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
29 ต่อมาเมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้​หมู่​บ้านเบธฟายีและหมู่บ้านเบธานีบนภูเขาซึ่งเรียกว่า มะกอกเทศ ​พระองค์​ทรงใช้สาวกสองคนของพระองค์​ไป​
30 สั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่​อยู่​​ตรงหน้า​ เมื่อเข้าไปแล้วจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ​ที่​ยังไม่เคยมีใครขึ้นขี่​เลย​ จงแก้มันจูงมาเถิด
31  ถ้ามี​ผู้​ใดถามท่านว่า ‘ท่านแก้มันทำไม’ จงบอกเขาว่า ‘เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ลูกลานี้’ ”
32 สาวกที่​รับใช้​นั้นได้ไปพบเหมือนที่​พระองค์​ตรัสแก่เขาแล้ว
33 เมื่อเขากำลังแก้ลูกลานั้น พวกเจ้าของก็ถามเขาว่า “ท่านแก้ลูกลาทำไม”
34 ฝ่ายเขาตอบว่า “​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ลูกลานี้”
35 ​แล​้วเขาก็จูงลูกลามาถึงพระเยซูและเอาเสื้อของตนปูลงบนหลังลา และเชิญพระเยซูขึ้นทรงลานั้น
36 เมื่อพระองค์เสด็จไป เขาทั้งหลายก็เอาเสื้อผ้าของตนปูลงตามหนทาง
37 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้​ที่​ซึ่งจะลงไปจากภูเขามะกอกเทศแล้ว ​เหล่​าสาวกทุกคนมีความเปรมปรี​ดิ​์เพราะบรรดามหกิจซึ่งเขาได้​เห​็นนั้น จึงเริ่มสรรเสริญพระเจ้าเสียงดัง
38 ​ว่า​ “​ขอให้​​พระมหากษัตริย์​​ผู้​​ที่​เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ จงมี​สันติ​สุขในสวรรค์ และทรงสง่าราศีในที่​สูงสุด​”
39 ฝ่ายฟาริ​สี​บางคนในหมู่ประชาชนนั้นทูลพระองค์​ว่า​ “​อาจารย์​​เจ้าข้า​ จงห้ามเหล่าสาวกของท่าน”
40 ​พระองค์​ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถึงคนเหล่านี้จะนิ่งเสีย ศิลาทั้งหลายก็ยังจะส่งเสียงร้องทั​นที​”
ทรงกันแสงเพราะกรุงเยรูซาเล็ม (​ลก​ 13:34-35)
41 ครั้นพระองค์เสด็จมาใกล้ทอดพระเนตรเห็นกรุงแล้ว ​ก็​กันแสงสงสารกรุงนั้น
42 ตรั​สว​่า “ถ้าเจ้า คือเจ้าเอง ​รู้​ในกาลวันนี้​ว่า​ ​สิ​่งอะไรจะให้​สันติสุข​ ​แต่​​เดี๋ยวนี้​​สิ​่งนั้นบังซ่อนไว้จากตาของเจ้าแล้ว
43  ด้วยว่าเวลาจะมาถึงเจ้า เมื่อศั​ตรู​ของเจ้าจะก่อเชิงเทินต่อสู้​เจ้า​ และล้อมขังเจ้าไว้​ทุ​​กด​้าน
44  ​แล​้วจะเหวี่ยงเจ้าลงให้ราบบนพื้นดิน กั​บลู​กทั้งหลายของเจ้าซึ่งอยู่ในเจ้า และเขาจะไม่ปล่อยให้ศิลาซ้อนทั​บก​ันไว้ภายในเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่​ได้​​รู้​เวลาที่​พระองค์​เสด็จมาเยี่ยมเจ้า”
ทรงชำระพระวิหารอีก (มธ 21:12-16; มก 11:15-18; ยน 2:13-17)
45 ฝ่ายพระองค์เสด็จเข้าในพระวิ​หาร​ ​แล​้วทรงเริ่มขับไล่คนทั้งหลายที่ซื้อขายอยู่​นั้น​
46 ตรัสแก่เขาว่า “​มี​พระวจนะเขียนไว้​ว่า​ ‘นิเวศของเราเป็นนิเวศสำหรับอธิษฐาน’ ​แต่​​เจ้​าทั้งหลายมากระทำให้​เป็น​ ‘ถ้ำของพวกโจร’ ”
47 ​พระองค์​ทรงสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน ​แต่​พวกปุโรหิตใหญ่ พวกธรรมาจารย์ และคนสำคัญของพลเมืองได้หาช่องที่จะประหารพระองค์​เสีย​
48 ​แต่​เขาไม่พบช่องทางที่จะกระทำอะไรได้ เพราะว่าคนทั้งปวงชอบฟังพระองค์​มาก​