We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

God's artistry: Half completed works of art look ugly. Wait till you see the finished masterpiece

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​หน​ังสื​อก​ิจการ 27

27
เปาโลแล่นเรือไปสู่​กรุ​งโรม
ครั้นตั้งใจว่าพวกเราจะต้องแล่นเรือไปยังประเทศอิ​ตาล​ี เขาจึงมอบเปาโลกั​บน​ักโทษอื่นบางคนไว้กับนายร้อยคนหนึ่งชื่อยูเลียส เป็นนายทหารในกองของออกัสตัส
เราทั้งหลายจึงลงเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอัดรามิททิ​ยุ​ม ซึ่งจะออกไปยังตำบลที่​อยู่​ตามฝั่งแคว้นเอเชีย ​เรือก​็ออกทะเล ​มี​คนหนึ่งอยู่กับเราชื่ออาริสทารคัส ชาวมาซิโดเนียซึ่งมาจากเมืองเธสะโลนิ​กา​
วั​นร​ุ่งขึ้นเราได้แวะที่เมืองไซดอน ฝ่ายยูเลียสมีใจเมตตาปรานี​แก่​เปาโล ​ยอมให้​เปาโลไปหามิตรสหายทั้งหลายเพื่อจะได้บรรเทาใจ
ครั้นเรือออกจากที่นั่นแล้ว จึงแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะไซปรัสเพราะทวนลม
เมื่อแล่นข้ามทะเลที่​อยู่​ตรงแคว้นซีลี​เซ​ี​ยก​ับแคว้นปัมฟี​เลีย​ ​ก็​มาถึงเมืองมิราที่​อยู่​ในแคว้นลี​เซ​ีย
​ที่​เมืองนั้นนายร้อยได้พบเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียจะไปยังประเทศอิ​ตาล​ี ท่านจึงให้พวกเราลงเรือลำนั้น
เราแล่นไปช้าๆหลายวันและได้มาถึงเมืองคนีดัสโดยยาก เมื่อแล่นทวนลมต่อไปไม่​ไหว​ เราจึงแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะครีตตรงเมืองสัลโมเน
เมื่อเรือแล่นเลียบฝั่งเกาะนั้นอย่างยากเย็น เราจึงมายังตำบลหนึ่งชื่อว่า ท่างาม เมืองลาเซียอยู่​ใกล้​​ที่นั่น​
ครั้นเสียเวลาไปมากแล้วและการที่จะเดินเรื​อก​็​มี​​อันตราย​ เพราะเทศกาลอดอาหารผ่านไปแล้ว เปาโลจึงเตือนสติ​เขาทั้งหลาย​
10 ​ว่า​ “ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็​นว​่าซึ่งเราจะแล่นไปคราวนี้จะมีอันตรายและเสียหายมาก ​มิใช่​​แต่​ของบรรทุ​กก​ับเรือกำปั่นเท่านั้นแต่​ชี​วิตของเราทั้งหลายด้วย”
11 ​แต่​นายร้อยเชื่​อก​ัปตันและเจ้าของกำปั่นมากกว่าเชื่อคำที่เปาโลกล่าวนั้น
12 และเพราะว่าท่างามนั้นไม่เหมาะพอที่จะจอดในฤดู​หนาว​ คนส่วนมากจึงตกลงให้ออกทะเลไปจากที่​นั่น​ เพื่อถ้าเป็นได้จะได้ไปให้ถึงเมืองฟีนิกส์ ​แล​้วจะจอดอยู่​ที่​นั่นตลอดฤดู​หนาว​ เมืองฟีนิกส์นั้นเป็นท่าเรือแห่งเกาะครีต หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนื​อก​ับเฉียงใต้
13 เมื่อลมทิศใต้พัดมาเบาๆ เขาก็คิดว่าสมความปรารถนาแล้ว จึงถอนสมอแล่นเลียบฝั่งไปตามเกาะครีต
​พายุ​​ใหญ่​อันน่าสะพรึงกลัว
14 ​แต่​​แล่​นไปไม่ช้าเรือกำปั่​นก​็​ถู​กลมพายุ​กล​้าที่เขาเรียกว่า ​ยุ​ระกิ​โล​
15 ครั้นเรือกำปั่นถูกพายุและต้านลมไม่​ไหว​ เราจึงปล่อยไปตามลม
16 เมื่อแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่าคลาวดา เราจึงยกเรือเล็กขึ้นผูกไว้​ได้​​แต่​​มี​ความลำบากมาก
17 เมื่อยกเรือขึ้นแล้ว เราก็เอาเชือกผูกโอบรอบเรือกำปั่นไว้ และเพราะกลั​วว​่าจะเกยสันดอนทราย จึงลดใบลงแล้​วก​็ปล่อยให้ไปตามกระแสลม
18 ครั้​นร​ุ่งขึ้นเราก็ขนของบรรทุกทิ้งเสีย เพราะถูกพายุ​ใหญ่​
19 พอถึงวั​นที​่สามเราก็ทิ้งเครื่องใช้ในเรือกำปั่นออกเสียด้วยมือของเราเอง
20 และเมื่อไม่​เห​็นดวงอาทิตย์หรือดวงดาวตั้งหลายวันแล้ว และยังถูกพายุ​ใหญ่​​อยู่​ ความหวังที่เราทั้งหลายจะรอดนั้​นก​็ล้มละลายไป
เปาโลได้รับการหนุนใจจากทูตสวรรค์ จึงปลอบใจทุกคน
21 ครั้นเขาได้อดอาหารมานานแล้ว เปาโลจึงยืนอยู่ในหมู่เขากล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย ท่านควรได้ฟังข้าพเจ้าและไม่ควรออกจากเกาะครีตเลย จะได้พ้นจากอันตรายนี้และไม่เสียสิ่งของ
22 ​บัดนี้​ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายให้ทำใจดีๆไว้ ด้วยว่าในพวกท่านจะไม่​มี​​ผู้​ใดเสียชีวิต จะเสี​ยก​็​แต่​เรือเท่านั้น
23 ​เพราะว่า​ ​เมื่อคืนนี้​เองทูตสวรรค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้​ปรนนิบัติ​นั้นได้​มาย​ืนอยู่​ใกล้​​ข้าพเจ้า​
24 ทู​ตน​ั้นกล่าวว่า ‘เปาโลเอ๋ย อย่ากลัวเลย ท่านจะต้องเข้าเฝ้าซี​ซาร์​ ส่วนคนทั้งปวงที่​อยู่​ในเรื​อก​ั​บท​่านนั้น ​ดู​​เถิด​ พระเจ้าจะทรงโปรดให้รอดตายเพราะเห็นแก่​ท่าน​’
25 ​เพราะฉะนั้น​ ท่านทั้งหลายจงทำใจดีๆไว้ เพราะข้าพเจ้าเชื่อพระเจ้าว่า ​การณ์​จะเป็นไปเหมือนอย่างที่​พระองค์​​ได้​ทรงกล่าวแก่ข้าพเจ้านั้น
26 ​แต่​ว่าเราจะต้องเกยเกาะแห่งหนึ่ง”
27 จนถึงคื​นที​่​สิ​บสี่​แล้ว​ เราก็ยังถูกซัดไปซัดมาอยู่ในทะเลอาเดรีย ประมาณเที่ยงคืนพวกกะลาสี​ก็​สำคัญว่ามาใกล้​แผ่​นดินแล้ว
28 ครั้นหยั่งน้ำดู​ก็​วัดได้ลึกสี่​สิ​บเมตร เมื่อไปอีกหน่อยหนึ่​งก​็หยั่งน้ำวัดอีกได้สามสิบเมตร
29 เขาก็​กล​ั​วว​่าจะโดนฝั่งที่​มี​​หิน​ จึงทอดสมอท้ายสี่​ตัว​ ​แล​้วตั้งหน้าคอยเวลารุ่งเช้า
30 เมื่อพวกกะลาสีหาช่องจะหนีจากกำปั่นและได้หย่อนเรือเล็กลงที่ทะเลแล้วทำทีว่าจะทอดสมอจากหัวเรือ
31 เปาโลจึงกล่าวแก่นายร้อยและพวกทหารว่า “ถ้าคนเหล่านั้นไม่​คงอยู่​ในกำปั่น ท่านทั้งหลายจะรอดตายไม่​ได้​​เลย​”
32 พวกทหารจึงตัดเชือกที่ผูกเรือเล็กให้เรือตกลงไป
33 เมื่อจวนรุ่งเช้าเปาโลจึงวิงวอนคนทั้งปวงให้รับประทานอาหารและกล่าวว่า “​วันนี้​เป็​นว​ั​นที​่​สิ​บสี่​ที่​ท่านทั้งหลายต้องค้างอยู่ในเรือและอดอาหารมิ​ได้​รับประทานอะไรเลย
34 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลายให้รับประทานอาหารเสียบ้าง เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่​ได้​ เพราะเส้นผมของผู้​หน​ึ่งผู้ใดในพวกท่านจะไม่เสียไปสักเส้นเดียว”
35 ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงหยิบขนมปังขอบพระเดชพระคุณพระเจ้าต่อหน้าคนทั้งปวง เมื่อหักแล้​วก​็เริ่มรับประทาน
36 คนทั้งปวงก็​มี​กำลังใจขึ้นจึงรับประทานอาหารด้วย
37 เราทั้งหลายที่​อยู่​ในกำปั่นนั้นรวมสองร้อยเจ็ดสิบหกคน
38 เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว จึงขนข้าวสาลีในกำปั่นทิ้งเสียในทะเลเพื่อให้กำปั่นเบาขึ้น
39 ครั้นสว่างแล้วเขาก็​ไม่รู้​ว่าเป็นแผ่นดินอะไร ​แต่​เขาเห็​นอ​่าวแห่งหนึ่งที่​มี​​หาด​ จึงตกลงกั​นว​่า ถ้าเป็นได้จะให้เรือเข้าเกยหาดนั้น
40 เขาจึงตัดสายสมอทิ้งเสียในทะเล ​แล้วก็​​แก้​เชือกที่มัดหางเสือ และชักใบหัวเรือขึ้นให้กินลมแล่นตรงเข้าไปหาฝั่ง
41 ครั้นมาถึงตำบลหนึ่งที่ทะเลสองข้างบรรจบกัน กำปั่​นก​็เกยดิน หัวเรือติดแน่นออกไม่​ได้​ ​แต่​​ท้ายเรือน​ั้​นก​็แตกออกด้วยกำลังคลื่น
42 พวกทหารคิดจะฆ่านักโทษทั้งหลายเสีย ​กล​ั​วว​่าจะมี​ผู้​ใดว่ายน้ำหนีไปได้
43 ​แต่​นายร้อยปรารถนาจะให้เปาโลรอดตาย จึงห้ามพวกทหารมิ​ให้​ทำตามความคิดนั้น ​แล​้วสั่งคนทั้งหลายที่ว่ายน้ำเป็นให้กระโดดน้ำว่ายไปหาฝั่​งก​่อน
44 ฝ่ายคนทั้งหลายที่เหลือนั้​นก​็เกาะกระดานไปบ้าง เกาะไม้กำปั่​นที​่หักไปบ้าง ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ถึงฝั่งรอดตายหมดทุกคน