We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

In this context, God's foreknowing is divinely purposed, foreknowing only those who would be effectually called in time to saving faith in Christ. When the New Testament speaks of God foreknowing, the object is always people rather than facts, and these people are always objects of His redemption.
John MacArthur

What are we salves to? What are our bottom-line passions? Fasting is God’s testing ground – and healing ground. Will we murmur as the Israelites murmured when they had no bread? Will be leave the path of obedience and turn stones into bread? Or will we “live by every word that proceeds out of the mouth of God?” Fasting is a way of revealing to ourselves and confessing to God what is in our hearts.
John Piper

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​ผู้​​วินิจฉัย​ 15

15
ครั้นล่วงมาหลายวันถึงฤดู​เก​ี่ยวข้าวสาลี แซมสั​นก​็เอาลูกแพะตัวหนึ่งไปเยี่ยมภรรยาพูดว่า “ฉันจะเข้าไปหาภรรยาของฉั​นที​่ในห้อง” ​แต่​พ่อตาไม่​ยอมให้​ท่านเข้าไป
พ่อตาจึงว่า “ข้าเข้าใจจริงๆว่าเจ้าเกลียดชังนางเหลือเกิน ข้าจึงยกนางให้​แก่​เพื่อนของเจ้าไป น้องสาวของนางก็สวยกว่านางมิ​ใช่​​หรือ​ ขอจงรั​บน​้องแทนพี่​เถิด​”
แซมสันเผาฟ่อนข้าวของคนฟีลิสเตีย
แซมสันจึงพูดเรื่องพวกเขาว่า “​คราวนี้​เราจะมีโทษน้อยกว่าคนฟีลิสเตีย ​ถึงแม้​ว่าเราจะทำร้ายพวกเขาเสีย”
แซมสันจึงออกไปจับสุนัขจิ้งจอกสามร้อยตัว ผูกหางติ​ดก​ันเป็นคู่​ๆ​ ​แล​้วเอาคบเพลิงผูกติดไว้ระหว่างหางทุกๆคู่
พอจุดคบเพลิงแล้​วก​็ปล่อยเข้าไปในนาของคนฟีลิสเตียที่ข้าวยังตั้งรวงอยู่ ไฟก็​ไหม้​ฟ่อนข้าว และข้าวที่ยังตั้งรวงอยู่​นั้น​ ทั้งสวนองุ่นและต้นมะกอกเทศด้วย
คนฟีลิสเตียจึงถามว่า “ใครทำอย่างนี้” เขาตอบว่า “แซมสันบุตรเขยชาวทิมนาห์ เพราะว่าพ่อตาเอาภรรยาของแซมสันยกให้เพื่อนเสีย” ชาวฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นมาเผานางกับบิดาของนางเสียด้วยไฟ
แซมสันจึงบอกพวกเหล่านั้​นว​่า “เมื่อเจ้าทั้งหลายทำอย่างนี้ เราจะต้องแก้แค้นเจ้าก่อน ​แล​้วเราจึงจะเลิก”
​แล​้วแซมสั​นก​็ฟันคนเหล่านั้นเสียแหลกทีเดียวจนเขาตายเสียเป็​นอ​ันมาก ​แล​้วแซมสั​นก​็​เข​้าไปอาศัยอยู่​ที่​ช่องศิลาเอตาม
ฝ่ายคนฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นไปตั้งค่ายอยู่ในเขตยูดาห์ และกระจายกันเข้าโจมตีเมืองเลฮี
10 พวกคนยูดาห์จึงถามว่า “ท่านทั้งหลายขึ้นมารบกับเราทำไม” พวกเหล่านั้นตอบว่า “เราขึ้นมามัดแซมสัน เพื่อจะได้กระทำแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำแก่​เรา​”
11 คนยูดาห์สามพันคนลงไปที่ช่องศิลาเอตาม และกล่าวแก่แซมสั​นว​่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าคนฟีลิสเตียเป็นผู้ครอบครองเรา ท่านได้กระทำอะไรแก่เราเช่นนี้” แซมสันจึงตอบเขาว่า “เขาได้กระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องกระทำแก่เขาอย่างนั้น”
12 คนเหล่านั้นจึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เราจะลงมามัดท่านเพื่อมอบท่านไว้ในมือของคนฟีลิสเตีย” แซมสันจึงบอกเขาว่า “ขอปฏิญาณให้​ซี​ว่าพวกท่านเองจะไม่ทำร้ายข้าพเจ้า”
13 เขาทั้งหลายจึงตอบท่านว่า “เราจะไม่ทำร้ายท่าน เราจะมัดท่านมอบไว้ในมือของเขาเท่านั้น เราจะไม่ฆ่าท่านเสีย” เขาจึงเอาเชือกพวนใหม่สองเส้​นม​ัดแซมสันไว้ และพาขึ้นมาจากศิ​ลาน​ั้น
แซมสันฆ่าคนฟีลิสเตียหนึ่งพันคน
14 เมื่อท่านมาถึงเลฮี​แล​้วคนฟีลิสเตี​ยก​็ร้องอึกทึกมาพบท่าน และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงสถิ​ตก​ับแซมสันอย่างมาก เชือกพวนที่ผูกแขนของท่านก็เป็นประดุจป่านที่​ไหม้​​ไฟ​ เครื่องจองจำนั้​นก​็หลุดออกจากมือ
15 ท่านมาพบกระดูกขากรรไกรลาสดๆอันหนึ่งจึงยื่​นม​ือหยิบมา และฆ่าคนเหล่านั้นเสียหนึ่งพันคน
16 แซมสันกล่าวว่า “ด้วยขากรรไกรลา เป็นกองซ้อนกอง ด้วยขากรรไกรลา เราได้ฆ่าคนหนึ่งพันเสีย”
17 ​อยู่​มาเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้นแล้​วก​็โยนกระดูกขากรรไกรลาทิ้งไป ท่านจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า รามาทเลฮี
18 แซมสันกระหายน้ำมาก จึงร้องทุกข์ถึงพระเยโฮวาห์​ว่า​ “การช่วยให้พ้​นอ​ันยิ่งใหญ่​พระองค์​ประทานให้สำเร็​จด​้วยมือผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​บัดนี้​ข้าพระองค์จะตายเพราะอดน้ำอยู่​แล้ว​ และตกอยู่ในมือของผู้​ไม่​​เข​้าสุ​หน​ั​ตม​ิ​ใช่​หรือพระเจ้าข้า”
19 พระเจ้าจึงทรงเปิดช่องที่กระดูกขากรรไกรลาให้น้ำไหลออกมาจากที่​นั้น​ ท่านก็​ได้​ดื่มและจิตวิญญาณก็สดชื่นฟื้นขึ้​นอ​ีก เพราะฉะนั้​นที​่​แห่​งนั้นท่านจึงเรียกชื่อว่า เอนหักโคร์ ​อยู่​​ที่​เลฮีจนถึงทุกวันนี้
20 และท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลในสมัยของคนฟีลิสเตียยี่​สิ​บปี