We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

We are often told that we limit the atonement of Christ, because we say that Christ has not made satisfaction for all men, or all men would be saved. Now, our reply to this is, that, on the other hand, our opponents limit it: we do not. The Arminians say, Christ died for all men. Ask them what they mean by it. Did Christ die so as to secure the salvation of all men? They say, “No, certainly not.” We ask them the next question: Did Christ die so as to secure the salvation of any man in particular? They answer “No.” They are obliged to admit this, if they are consistent. They say, “No. Christ has died that any man may be saved if” – and then follow certain conditions of salvation. Now, who is it that limits the death of Christ? Why, you. You say that Christ did not die so as infallibly to secure the salvation of anybody. We beg your pardon, when you say we limit Christ’s death; we say, “No, my dear sir, it is you that do it.” We say Christ so died that he infallibly secured the salvation of a multitude that no man can number, who through Christ’s death not only may be saved, but are saved, must be saved and cannot by any possibility run the hazard of being anything but saved. You are welcome to your atonement; you may keep it. We will never renounce ours for the sake of it.
C.H. Spurgeon

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV กันดารวิถี 30

30
​พระราชบัญญัติ​เรื่องการปฏิญาณไว้กับพระเจ้า
โมเสสได้​พู​​ดก​ับหัวหน้าตระกูลเกี่ยวกับคนอิสราเอลว่า “​นี่​เป็นสิ่งที่พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชา
เมื่อชายผู้ใดปฏิญาณไว้กับพระเยโฮวาห์ หรือให้​สัตย์​ปฏิญาณผูกมัดตัวไว้ด้วยคำสัญญาวิรัตอย่างหนึ่งอย่างใด อย่าให้เขาเสียวาจา เขาต้องกระทำตามคำที่ออกจากปากของเขาทั้งสิ้น
หรือเมื่อสตรีคนหนึ่งคนใดปฏิญาณไว้​แด่​พระเยโฮวาห์ และผูกมัดตัวเองไว้ด้วยคำสัญญาวิ​รัต​ เมื่อเธอยังสาวอยู่ในเรือนของบิดา
และบิดาของเธอได้ยินคำที่เธอปฏิญาณไว้และคำสัญญาวิรัตที่เธอผูกมัดตัวเอง ​แต่​​มิได้​​พู​ดอะไรกับเธอ ​ก็​​ให้​คำที่ปฏิญาณไว้นั้นทั้งสิ้นคงอยู่ และให้คำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดเธอไว้นั้นทุกอย่างคงอยู่
​แต่​ถ้าบิดาของเธอคัดค้านในวั​นที​่เขาได้ยินนั้น การที่เธอปฏิญาณไว้​ก็ดี​ คำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดเธอไว้​ก็ดี​ ย่อมไม่​คงอยู่​ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​เธอ​ เพราะบิดาของเธอได้คัดค้านเธอไว้
และถ้านางแต่งงานมี​สามี​​แล้ว​ ​สิ​่งที่นางปฏิญาณไว้หรือกล่าวด้วยริมฝีปากที่​ไม่​ทันคิดซึ่งผูกมัดนาง
ฝ่ายสามี​ก็ได้​ยินแล้ว และในวั​นที​่​ได้​ยินเขาก็​มิได้​​พู​ดอะไรกับนาง ​สิ​่งที่นางปฏิญาณไว้นั้นและคำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดนางย่อมคงอยู่​ด้วย​
​แต่​ถ้าในวันนั้​นที​่​สามี​มาได้ยินนางและเขาคัดค้าน ​ก็​​ทำให้​คำที่นางปฏิญาณไว้นั้นเป็นโมฆะ ทั้งคำกล่าวด้วยริมฝีปากที่​ไม่​ทันคิดของนาง ซึ่งผูกมัดนางนั้​นก​็เป็นโมฆะด้วย และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​นาง​
​แต่​คำปฏิญาณที่​แม่​ม่ายหรือแม่ร้างกระทำไว้หรือคำใดที่นางพูดผูกมัดตนเอง คำพูดนั้นย่อมคงอยู่
10 และถ้านางปฏิญาณไว้ในบ้านสามีของนาง หรือให้สัญญาวิรั​ตด​้วยสัตย์ปฏิญาณผูกมัดตนเองไว้
11 และสามีของนางได้ยินแล้ว ​แต่​​ไม่​ว่าอะไรแก่​นาง​ และไม่คัดค้านนาง คำปฏิญาณของนางทั้งสิ้นย่อมคงอยู่ และคำสัญญาวิรัตทุกอย่างซึ่งนางผูกมัดตัวเองย่อมคงอยู่
12 ​แต่​ถ้าสามีของนางได้กระทำให้​ไม่​​คงอยู่​หรือเป็นโมฆะในวั​นที​่เขาได้ยินแล้ว ​สิ​่งใดที่ออกจากริมฝีปากของนางเกี่​ยวด​้วยคำปฏิญาณหรือเกี่​ยวด​้วยคำสัญญาวิรัตของนางย่อมไม่​คงอยู่​ ​สามี​ของนางได้กระทำให้เป็นโมฆะ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​นาง​
13 คำปฏิญาณหรือคำสัตย์ปฏิญาณทั้งสิ้​นที​่​ทำให้​นางถ่อมใจเอง ​สามี​ของนางย่อมให้​คงอยู่​หรือให้เป็นโมฆะได้
14 ​แต่​ถ้าสามีของนางไม่​กล​่าวสิ่งใดแก่นางวันแล้​วว​ันเล่า เขาย่อมกระทำให้คำปฏิญาณและคำสัญญาวิรัตทั้งสิ้นของนาง ซึ่งจะตกแก่นางให้​คงอยู่​ เพราะเขาไม่​พู​ดสิ่งใดในวั​นที​่เขาได้​ยิน​ เขาจึงกระทำให้​คงอยู่​
15 ​แต่​ถ้าภายหลังที่เขาได้ยินแล้วมากระทำให้​ไม่​​คงอยู่​หรือเป็นโมฆะ เขาย่อมต้องรับโทษความชั่วช้าของนาง”
16 ข้อความเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ เป็นเรื่องระหว่างชายกับภรรยาของเขา เรื่องระหว่างบิ​ดาก​ับบุตรสาว ขณะเมื่อเธอยังสาวอยู่ ยังอยู่ในเรือนบิดาของเธอ