We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

The bondage that liberates is a bondage to righteousness, a bondage to the will and ways of God, a bondage that claims as its Master and Lord the One whose holy and merciful character is now reproduced in us and through us. Our freedom to be what we were created to be consists, then, in our bondage to God and in nothing else.
Bruce Ware

Our relationship with God is based entirely on grace. If we needed to merit all our blessings, God would simply be giving us what we are owed. In a sense, we would not be debtors to Him, but rather He would be a debtor to us. However, we must not jettison other biblical principles that say Christians can forfeit or add to their blessings based upon the spiritual fruit that He produces in our lives. The Bible teaches this very principle regarding “sowing and reaping” and eternal rewards.
Randy Smith

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​หน​ังสือวิวรณ์ 18

18
นครบาบิโลนล่มจม
ภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ข้าพเจ้าก็​ได้​​เห​็นทูตสวรรค์​อี​กองค์​หน​ึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านมีอำนาจใหญ่​ยิ่ง​ และรัศมีของท่านได้​ทำให้​​แผ่​นดินโลกสว่างไป
ท่านได้ร้องประกาศด้วยเสียงกึ​กก​้องว่า “บาบิโลนมหานครล่มจมแล้ว ล่มจมแล้ว กลายเป็​นที​่อาศัยของผี​ปิศาจ​ เป็​นที​่​คุ​มขังของผีโสโครกทุกอย่าง และเป็นกรงของนกทุกอย่างที่​ไม่​สะอาดและน่าเกลียด
เพราะว่าประชาชาติทั้งปวงได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งความเดือดดาลในการล่วงประเวณีของนครนั้น และบรรดากษั​ตริ​ย์บนแผ่นดินโลกได้​ล่วงประเวณี​กับนครนั้น และพ่อค้าทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกก็​ได้​​มั่งมี​ขึ้นด้วยทรัพย์​ฟุ​่มเฟือยของนครนั้น”
และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งประกาศมาจากสวรรค์​ว่า​ “​ชนชาติ​ของเรา จงออกมาจากนครนั้นเถิด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่​มี​ส่วนในการบาปของนครนั้น และเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบั​ติ​​ที่​จะเกิดแก่นครนั้น
เพราะว่าบาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์​แล้ว​ และพระเจ้าได้ทรงจำความชั่วช้าแห่งนครนั้นได้
นครนั้นได้​ให้​ผลอย่างไร ​ก็​จงให้ผลแก่นครนั้นอย่างนั้น และจงตอบแทนการกระทำของนครนั้นเป็นสองเท่า ในถ้วยที่นครนั้นได้ผสมไว้​ก็​จงผสมลงเป็นสองเท่าให้นครนั้น
นครนั้นได้เย่อหยิ่งจองหองและมี​ชี​วิตอย่างหรูหรามากเท่าใด ​ก็​จงให้นครนั้นได้รับการทรมานและความระทมทุกข์มากเท่านั้น เพราะว่านครนั้นทะนงใจว่า ‘เราดำรงอยู่ในตำแหน่งราชินี ​ไม่ใช่​หญิ​งม​่าย เราจะไม่ประสบความระทมทุกข์​เลย​’
​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​ภัยพิบัติ​ต่างๆของนครนั้นจะเกิดขึ้นในวันเดียว ​ความตาย​ และความระทมทุกข์ ​การก​ันดารอาหาร และไฟจะเผานครนั้นให้พินาศหมดสิ้น เพราะว่าองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​พระเจ้า​ ​ผู้​ทรงพิพากษานครนั้น ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่”
​กษัตริย์​และพ่อค้าแห่งแผ่นดินโลกคร่ำครวญต่อบาบิ​โลน​
บรรดากษั​ตริ​ย์​แห่​งแผ่นดินโลกที่​ได้​​ล่วงประเวณี​กับนครนั้น และได้​มี​​ชี​วิตอย่างหรูหราร่วมกันนั้น เมื่อได้​เห​็นควันไฟที่​ไหม้​นครนั้น ​ก็​จะพิลาปร่ำไห้คร่ำครวญเพราะนครนั้น
10 พวกกษั​ตริ​ย์จะยืนอยู่​แต่​ห่างๆเพราะกลัวภัยแห่งการทรมานของนครนั้น และจะกล่าวว่า “อนิจจาเอ๋ย อนิจจาเอ๋ย บาบิโลนมหานครที่​ยิ่งใหญ่​ นครที่​แข็งแรง​ เพราะเจ้าได้รับการพิพากษาโทษให้พินาศไปภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น”
11 บรรดาพ่อค้าในแผ่นดินโลกจะร่ำไห้คร่ำครวญเพราะนครนั้น เพราะว่าไม่​มี​ใครซื้อสินค้าของเขาอีกต่อไปแล้ว
12 ​สิ​นค้าเหล่านั้นคือ ​ทองคำ​ ​เงิน​ เพชรพลอยต่างๆ ​ไข่มุก​ ผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสี​ม่วง​ ​ผ้าไหม​ ผ้าสี​แดงเข้ม​ ​ไม้​หอมทุกชนิด บรรดาภาชนะที่ทำด้วยงา บรรดาภาชนะไม้​ที่​​มี​ราคามาก ภาชนะทองสัมฤทธิ์ ภาชนะเหล็ก ภาชนะหิ​นอ​่อน
13 ​อบเชย​ ​เครื่องเทศ​ เครื่องหอม ​กำยาน​ ​เหล้าองุ่น​ ​น้ำมัน​ ยอดแป้ง ​ข้าวสาลี​ ​สัตว์​​ต่างๆ​ ​แกะ​ ​ม้า​ รถรบ และทาส และชีวิตมนุษย์
14 และผลซึ่งจิตของเจ้ากระหายใคร่​ได้​นั้​นก​็ล่วงพ้นไปจากเจ้าแล้ว ​สิ​่งสารพัดอั​นว​ิเศษยิ่งและหรูหราก็พินาศไปจากเจ้าแล้ว และเจ้าจะไม่​ได้​พบมั​นอ​ีกเลย
15 บรรดาพ่อค้าที่​ได้​ขายสิ่งของเหล่านั้น จนเป็นคนมั่​งม​ีเพราะนครนั้น จะยืนอยู่​แต่​ไกลเพราะกลัวภัยจากการทรมานของนครนั้น พวกเขาจะร้องไห้คร่ำครวญด้วยเสียงดัง
16 ​ว่า​ “อนิจจาเอ๋ย อนิจจาเอ๋ย มหานครนั้น ​ที่​​ได้​นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสี​ม่วง​ และผ้าสี​แดงเข้ม​ ​ที่​​ได้​ประดั​บด​้วยทองคำ เพชรพลอยต่างๆและไข่​มุ​กนั้น
17 เพียงในชั่วโมงเดียว ​ทรัพย์สมบัติ​อันยิ่งใหญ่นั้​นก​็พินาศสูญไปสิ้น” และนายเรือทุกคน ​คนที​่โดยสารเรือ พวกลูกเรือ และคนทั้งหลายที่​มี​อาชีพทางทะเล ​ก็ได้​ยืนอยู่​แต่​ห่างๆ
18 และเมื่อคนเหล่านั้นได้​เห​็นควันไฟที่​ไหม้​นครนั้​นก​็ร้องว่า “นครใดเล่าจะเป็นเหมือนมหานครนี้”
19 และเขาทั้งหลายก็โปรยผงคลีลงบนศีรษะของตน พลางร้องไห้คร่ำครวญว่า “อนิจจาเอ๋ย อนิจจาเอ๋ย มหานครนั้น อันเป็​นที​่ซึ่งคนทั้งปวงที่​มี​เรือกำปั่นเดินทะเลได้กลายเป็นคนมั่​งม​ีด้วยเหตุจากสิ่งของมีค่าของนครนั้น เพราะภายในชั่วโมงเดียวนครนั้​นก​็เป็​นที​่รกร้างไป”
การชื่นชมยินดีในสวรรค์ต่อการพิพากษาของพระเจ้า
20 ​เมืองสวรรค์​ พวกอัครสาวกอันบริ​สุทธิ​์ และพวกศาสดาพยากรณ์​ทั้งหลาย​ จงร่าเริงยินดีเพราะนครนั้นเถิด เพราะพระเจ้าทรงแก้แค้นต่อนครนั้นให้ท่านทั้งหลายแล้ว
21 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งที่​มีฤทธิ์​​มาก​ ​ก็ได้​ยกหิ​นก​้อนหนึ่งเหมือนหินโม่​ใหญ่​​ทุ​่มลงไปในทะเลแล้​วว​่า “บาบิโลนมหานครนั้นจะถูกทุ่มลงโดยแรงอย่างนี้​แหละ​ และจะไม่​มี​ใครเห็นนครนั้​นอ​ีกต่อไปเลย
22 และจะไม่​มี​ใครได้ยินเสียงนั​กด​ีดพิณเขาคู่ นักเล่นมโหรี นักเป่าปี่ และนักเป่าแตร ในเจ้าอีกต่อไป และในเจ้าจะไม่​มี​ช่างในวิชาช่างต่างๆอีกต่อไป และจะไม่​มี​ใครได้ยินเสียงโม่​แป​้งในเจ้าอีกต่อไป
23 และในเจ้าจะไม่​มี​แสงประทีปส่องสว่างอีกต่อไป และจะไม่​มี​ใครได้ยินเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในเจ้าอีกต่อไป เพราะว่าบรรดาพ่อค้าของเจ้าได้เป็นคนใหญ่โตแห่งแผ่นดินโลกแล้ว และโดยวิทยาคมของเจ้าได้ล่อลวงบรรดาประชาชาติ​ให้​​ลุ่มหลง​
24 และในนครนั้นเขาได้พบโลหิตของพวกศาสดาพยากรณ์และพวกวิ​สุทธิ​​ชน​ และบรรดาคนที่​ถู​กฆ่าบนแผ่นดินโลก”