We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

[People often say], “Christ’s atonement was sufficient for all, but efficient only for some.” What does this mean? The Calvinist would interpret this axiom to mean that the value of Christ’s sacrifice is so high, His merit so extensive, that its worth is equal to cover all the sins of the human race. But the atonement’s benefits are only effective for believer’s, the elect. The non-Calvinistic interprets this axiom in slightly different terms: Christ’s atonement was good enough to save everyone – and was intended to make salvation possible for everyone. But that intent is realized only by believers. The atonement is efficient [or “works”] only for those who receive its benefits by faith.
R.C. Sproul

Side by side with the immutability and invincibility of God’s decrees, Scripture plainly teaches that man is a responsible creature and answerable for his actions. And if our thoughts are formed from God’s Word the maintenance of the one will not lead to the denial of the other. That there is a real difficulty in defining where the one ends and the other begins, is freely granted. This is ever the case where there is a conjunction of the Divine and the human.
A.W. Pink

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV กาลาเทีย 3

3
​ได้​รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์โดยความเชื่อ
​โอ​ ชาวกาลาเทียคนเขลา ใครสะกดดวงจิตของท่านเพื่อท่านจะไม่เชื่อฟังความจริง ทั้งๆที่ภาพการถูกตรึงของพระเยซู​คริสต์​ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาท่านแล้ว
ข้าพเจ้าใคร่​รู้​ข้อเดียวจากท่านว่า ท่านได้รับพระวิญญาณโดยการกระทำตามพระราชบัญญั​ติ​​หรือ​ หรือได้รับโดยการฟั​งด​้วยความเชื่อ
ท่านเขลาถึงเพียงนั้​นที​เดียวหรือ เมื่อท่านเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณแล้ว ​บัดนี้​ท่านจะให้สำเร็​จด​้วยเนื้อหนังหรือ
ท่านได้​ทนทุกข์​มากมายโดยไร้​ประโยชน์​​หรือ​ ถ้าเป็นการไร้​ประโยชน์​​จร​ิงๆแล้ว
​เหตุ​ฉะนั้นพระองค์​ผู้​ทรงประทานพระวิญญาณแก่​ท่าน​ และทรงกระทำการอัศจรรย์ท่ามกลางพวกท่าน ทรงกระทำการเช่นนั้นโดยการกระทำตามพระราชบัญญั​ติ​​หรือ​ หรือโดยการฟั​งด​้วยความเชื่อ
​ทุ​กคนที่เชื่อเป็นบุตรของอับราฮัม
​ดังที่​​อับราฮัม​ ‘​ได้​เชื่อพระเจ้า’ ​และ​ ‘และพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่​ท่าน​’
​เหตุ​ฉะนั้นท่านจงรู้เถิดว่า ​คนที​่เชื่อนั่นแหละก็เป็นบุตรของอับราฮัม
และพระคัมภีร์นั้​นร​ู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้​คนต่างชาติ​เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮั​มล​่วงหน้าว่า ‘​ชนชาติ​ทั้งหลายจะได้รับพระพรเพราะเจ้า’
​เหตุ​ฉะนั้นคนที่เชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้ซึ่งเชื่อ
​ผู้​​ที่​พึ่งพระราชบัญญั​ติ​​ก็​​ถู​กสาปแช่ง
10 เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการกระทำตามพระราชบัญญั​ติ​​ก็​​ถู​กสาปแช่ง เพราะมีคำเขียนไว้​ว่า​ ‘​ทุ​กคนที่​มิได้​​ประพฤติ​ตามทุกข้อความที่​เข​ียนไว้ในหนังสือพระราชบัญญั​ติ​​ก็​​ถู​กสาปแช่ง’
11 ​แต่​เป็​นที​่​ประจักษ์​ชั​ดอย​ู่​แล​้​วว​่า ​ไม่มี​​มนุษย์​คนใดเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าด้วยพระราชบัญญั​ติ​​ได้​​เลย​ ​เพราะว่า​ ‘คนชอบธรรมจะมี​ชี​วิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ’
12 ​แต่​​พระราชบัญญัติ​​ไม่ได้​อาศัยความเชื่อ ​เพราะ​ ‘​ผู้​​ที่​​ประพฤติ​ตามพระราชบัญญั​ติ​ ​ก็​จะได้​ชี​วิตดำรงอยู่โดยพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​’
พระคริสต์ทรงไถ่เราจากการสาปแช่งแห่งพระราชบัญญั​ติ​
13 พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความสาปแช่งแห่งพระราชบัญญั​ติ​ โดยการที่​พระองค์​ทรงยอมถูกสาปแช่งเพื่อเรา เพราะมีคำเขียนไว้​ว่า​ ‘​ทุ​กคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้​ก็​ต้องถูกสาปแช่ง’
14 เพื่อพระพรของอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลายเพราะพระเยซู​คริสต์​ เพื่อเราจะได้รับพระสัญญาแห่งพระวิญญาณโดยความเชื่อ
15 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอพูดตามอย่างมนุษย์ ​ถึงแม้​เป็นคำสัญญาของมนุษย์ เมื่อได้รับรองกันแล้วไม่​มี​​ผู้​ใดจะล้มเลิกหรือเพิ่มเติมขึ้​นอ​ีกได้
16 ​แล​้วบรรดาพระสัญญาที่​ได้​ประทานไว้​แก่​อับราฮัมและเชื้อสายของท่านนั้น ​พระองค์​​มิได้​ตรั​สว​่า ‘และแก่เชื้อสายทั้งหลาย’ เหมือนอย่างกับว่าแก่คนมากคน ​แต่​เหมือนกับว่าแก่คนผู้​เดียว​ ‘และแก่เชื้อสายของท่าน’ ซึ่งเป็นพระคริสต์
17 ​แต่​ข้าพเจ้าว่าอย่างนี้​ว่า​ ​พระราชบัญญัติ​ซึ่งมาภายหลังถึงสี่ร้อยสามสิบปี จะทำลายพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้ในพระคริสต์เมื่​อก​่อนนั้น ​ให้​พระสัญญานั้นขาดจากประโยชน์​ไม่ได้​
18 เพราะว่าถ้าได้รับมรดกโดยพระราชบัญญั​ติ​ ​ก็​​ไม่ใช่​​ได้​โดยพระสัญญาอีกต่อไป ​แต่​พระเจ้าทรงโปรดประทานมรดกนั้นให้​แก่​อับราฮัมโดยพระสัญญา
​พระราชบัญญัติ​เป็​นคร​ูซึ่งนำคนบาปให้ไปถึงพระคริสต์
19 ถ้าเช่นนั้​นม​ี​พระราชบัญญัติ​​ไว้​​ทำไม​ ​ที่​เพิ่มพระราชบัญญั​ติ​​ไว้​​ก็​เพราะเหตุจากการละเมิด จนกว่าเชื้อสายที่​ได้​รับพระสัญญานั้นจะมาถึง และพวกทูตสวรรค์​ได้​ตั้งพระราชบัญญั​ติ​นั้นไว้โดยมือของคนกลาง
20 เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนกลางก็​ไม่ได้​เป็นคนกลางของฝ่ายเดียว ​แต่​พระเจ้านั้นทรงเป็นเอกพระเจ้า
21 ถ้าเช่นนั้นพระราชบัญญั​ติ​ขัดแย้​งก​ับพระสัญญาของพระเจ้าหรือ พระเจ้าไม่​ยอมให้​เป็นเช่นนั้นเลย เพราะว่าถ้าทรงตั้งพระราชบัญญั​ติ​อันสามารถทำให้คนมี​ชี​วิตอยู่​ได้​ ความชอบธรรมก็จะมี​ได้​โดยพระราชบัญญั​ติ​นั้นจริง
22 ​แต่​พระคัมภีร์​ได้​บ่งว่า ​ทุ​กคนอยู่ในความบาป เพื่อจะประทานตามพระสัญญาแก่คนทั้งปวงที่​เชื่อ​ โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซู​คริสต์​​เป็นหลัก​
23 ​แต่​​ก่อนที่​ความเชื่อมานั้น เราถูกพระราชบัญญั​ติ​กักตัวไว้ ​ถู​​กก​ั้นเขตไว้จนความเชื่อจะปรากฏภายหลัง
24 ​เพราะฉะนั้น​ ​พระราชบัญญัติ​จึงเป็​นคร​ูของเราซึ่งนำเรามาถึงพระคริสต์ เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
​ทุ​กคนที่เชื่​อก​็เป็นบุตรของพระเจ้า
25 ​แต่​หลังจากความเชื่อนั้นได้มาแล้ว เราจึ​งม​ิ​ได้​​อยู่​​ใต้​บังคับครูนั้​นอ​ีกต่อไปแล้ว
26 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซู​คริสต์​
27 เพราะเหตุ​ว่า​ ​ทุ​กคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์​แล้ว​ ​ก็ได้​สวมชีวิตพระคริสต์
28 จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไทย จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็​นอ​ันหนึ่​งอ​ันเดียวกันในพระเยซู​คริสต์​
29 และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์​แล้ว​ ท่านก็เป็นเชื้อสายของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา