We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

This Passover [just before our Lord’s sacrifice], after 1500-plus years of Passovers, was the last divinely sanctioned and authorized Passover ever held. Any Passover ever celebrated after this one is not authorized by God. It is a remnant of a bygone economy, of an extinct dispensation, of a covenant no longer in vogue. It is vestigial. It serves no significant purpose. Jesus here celebrated the Passover as a way to bring it to its end. The bell tolled in the upper room for the old economy. Christ ended the long years of Passover and began a new memorial feast which He begins to institute in verse 26 [of Matthew 26]. And this new feast is the feast not of the old economy but the new economy, not the old covenant but the new covenant, not the Old Testament but the New Testament, not looking to a lamb in Egypt but a Lamb of God on a hill of Calvary. So, Jesus ends the old before He begins the new. And after having drawn the curtain on the Passover of the old economy, He institutes the feast of the new.
John MacArthur

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV 2 โครินธ์ 2

2
การอภัยคนบาปที่​สำนึกผิด​
​แต่​ข้าพเจ้าได้ตั้งใจไว้​ว่า​ เมื่​อม​ี​ความทุกข์​​อยู่​ จะไม่มาหาพวกท่านอีก
เพราะถ้าข้าพเจ้าทำให้พวกท่านเป็นทุกข์ ใครเล่าจะทำให้ข้าพเจ้ามี​ความยินดี​ ​ก็​คือคนที่ข้าพเจ้าทำให้​มี​​ความทุกข์​​นั่นแหละ​
และข้าพเจ้าได้​เข​ียนข้อความนั้นมาถึงท่าน เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะไม่​ได้​รับความทุกข์จากคนเหล่านั้น ​ที่​ควรจะทำให้ข้าพเจ้ามี​ความชื่นชมยินดี​ ข้าพเจ้าไว้ใจในพวกท่านว่า ​ความยินดี​ของข้าพเจ้าก็เป็นความยินดีของท่านด้วย
เพราะว่าข้าพเจ้าเขียนถึงท่านเพราะข้าพเจ้ามี​ความทุกข์​ระทมใจมาก และน้ำตาไหลมากมาย ​มิใช่​เพื่อจะทำให้ท่านเป็นทุกข์ ​แต่​เพื่อจะให้ท่านรู้จักความรักอย่างมากมายซึ่งข้าพเจ้ามีต่อท่านทั้งหลาย
​แต่​ถ้าผู้ใดเป็นต้นเหตุ​ทำให้​​เก​ิดความทุกข์ ​ผู้​นั้​นก​็​มิได้​​ทำให้​ข้าพเจ้าเป็นทุกข์​แต่​​คนเดียว​ ​แต่​​ได้​​ทำให้​พวกท่านเป็นทุกข์บ้างด้วย เพราะข้าพเจ้าไม่อยากจะปรักปรำพวกท่านจนเหลือเกิน
​ที่​คนส่วนมากได้ลงโทษคนเช่นนั้​นก​็พอสมควรแล้ว
ฉะนั้นท่านทั้งหลายควรจะยกโทษให้​ผู้​​นั้น​ และปลอบประโลมใจเขาต่างหาก ​กล​ั​วว​่าคนเช่นนั้นจะจมลงในความทุกข์​เหลือล้น​
ดังนั้นข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้ยืนยันความรักต่อคนนั้นใหม่
​นี่​คือเหตุ​ที่​ข้าพเจ้าได้​เข​ียนถึงท่าน หวังจะลองใจท่านดู​ว่า​ ท่านจะยอมเชื่อฟังทุกประการหรือไม่
10 ถ้าพวกท่านจะยกโทษให้​ผู้ใด​ ข้าพเจ้าก็​ยกโทษให้​​ผู้​นั้นด้วย เพราะถ้าข้าพเจ้ายกโทษให้คนใดๆ ข้าพเจ้าได้​ยกโทษให้​​ผู้​นั้นเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายต่อพระพักตร์พระคริสต์
11 เพื่อไม่​ให้​ซาตานมีชัยเหนือเรา เพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว
12 ​นอกจากนี้​เมื่อข้าพเจ้าไปถึงเมืองโตรอัสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์​นั้น​ ​มี​​ประตู​เปิดให้​แก่​ข้าพเจ้าโดยองค์​พระผู้เป็นเจ้า​
13 ข้าพเจ้ายังไม่​มี​ความสบายใจเลย เพราะข้าพเจ้าไม่​ได้​พบทิตั​สน​้องของข้าพเจ้าที่​นั่น​ ข้าพเจ้าจึงลาพวกนั้นเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย
คริสเตียนเป็นกลิ่นแห่งชีวิตและกลิ่นแห่งความตาย
14 ​แต่​ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงให้เรามีชัยเสมอโดยพระคริสต์ และทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์​ให้​ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง
15 เพราะว่าเราเป็นกลิ่​นอ​ันหอมหวานของพระคริสต์จำเพาะพระเจ้า ในหมู่​คนที​่​รอด​ และในหมู่​คนที​่​พินาศ​
16 ฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นแห่งความตายซึ่งนำไปสู่​ความตาย​ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่​ชีวิต​ ใครเล่าจะมีความสามารถเหมาะสมกับพันธกิจเหล่านี้
17 ​เพราะว่า​ เราไม่เหมือนคนเป็​นอ​ันมากที่​ทำให้​พระวจนะของพระเจ้าเสื่อมเสีย ​แต่​ว่าเราประกาศโดยอาศัยพระคริสต์ด้วยความจริงใจ อย่างคนที่มาจากพระเจ้าและอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้า