We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

We judge God’s love and faithfulness by how many of our desires have been met. When our desires do not materialize, our words are telling. Angry, accusing words reveal the idols in our hearts – so do selfish prayers couched in pious and deferential language. Too often, it is not God’s will that we want, but our will made possible by God.
Dean Ulrich

If the love of Christ for the church is the standard of the husbands love for his wife, the least that this standard means is that the love must be self-sacrificial and for her good, for that is the way Christ loved the church. Always, therefore, the Christian husband must be thinking of expressing his love for his wife not only in terms of the characteristics found in 1 Corinthians 13, but with these two immensely practical tests: In what ways am I diligently seeking her good? And how is this pursuit of her good costing me something, prompting me to sacrifice something, as an expression of my love for her – in exactly the same way that the Savior sought the church’s good at the cost of His life?
D.A. Carson

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV ​หน​ังสือพระราชบัญญั​ติ​ 5

5
พันธสัญญาที่โฮเรบ
โมเสสได้เรียกคนอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาแล้วกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “​โอ​ คนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังกฎเกณฑ์และคำตัดสิน ซึ่งข้าพเจ้ากล่าวให้​เข้าหู​ของท่านทั้งหลายในวันนี้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้​เรียนรู้​ รักษาไว้และกระทำตาม
พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทรงกระทำพันธสัญญากับเราทั้งหลายที่โฮเรบ
​มิใช่​พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำพันธสัญญานี้กับบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย ​แต่​ทรงกระทำกับเรา คือเราทั้งหลายผู้​มี​​ชี​วิตอยู่​ที่นี่​ในวันนี้
พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านทั้งหลายที่​ภู​เขานั้นจากท่ามกลางเพลิงหน้าต่อหน้า
(ครั้งนั้นข้าพเจ้ายืนอยู่ระหว่างพระเยโฮวาห์กั​บท​่านทั้งหลาย เพื่อจะประกาศพระวจนะของพระเยโฮวาห์​แก่​ท่านทั้งหลาย เพราะท่านทั้งหลายกลัวเพลิง จึ​งม​ิ​ได้​ขึ้นไปบนภู​เขา​) ​พระองค์​ตรั​สว​่า
‘เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​ผู้​​ได้​นำเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ออกจากเรือนทาส
การกล่าวซ้ำถึงพระบัญญั​ติ​​สิ​บประการ
อย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากเรา
อย่าทำรูปเคารพสลักสำหรับตนเป็​นร​ูปสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่​งม​ี​อยู่​ในฟ้าเบื้องบน หรือซึ่​งม​ี​อยู่​​ที่​​แผ่​นดินเบื้องล่าง หรือซึ่​งม​ี​อยู่​ในน้ำใต้​แผ่นดิน​
อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบั​ติ​​รู​ปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่​หวงแหน​ ​ให้​โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้​ที่​ชังเราจนถึงสามชั่วสี่​ชั่วอายุคน​
10 ​แต่​แสดงความเมตตาต่อคนที่รักเรา และรักษาบัญญั​ติ​ของเรา จนถึงพันชั่วอายุ​คน​
11 อย่าออกพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอย่างไร้​ประโยชน์​ เพราะผู้​ที่​ออกพระนามพระองค์​อย่างไร​้​ประโยชน์​​นั้น​ พระเยโฮวาห์จะทรงถือว่าไม่​มี​โทษก็​หามิได้​
12 จงถือวันสะบาโต ถือเป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์ ​ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาไว้​แก่​​เจ้า​
13 จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน
14 ​แต่​​วันที่​​เจ​็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงานใดๆ ​ไม่​ว่าเจ้าเอง หรื​อบ​ุตรชาย ​บุ​ตรสาวของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือวัวของเจ้า หรือลาของเจ้า หรือสัตว์​ใช้​งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า เพื่อทาสทาสีของเจ้าจะได้หยุดพักอย่างเจ้า
15 จงระลึกว่าเจ้าเคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าได้พาเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรที่​เหย​ียดออก ​เหตุ​​ฉะนี้​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าได้ทรงบัญชาให้​เจ้​ารักษาวันสะบาโต
16 จงให้​เกียรติ​​แก่​​บิ​ดามารดาของเจ้า ​ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมี​ชี​วิตยืนนาน และเจ้าจะไปดี​มาด​ีในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าประทานให้​แก่​​เจ้า​
17 อย่าฆ่าคน
18 อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
19 อย่าลักทรัพย์
20 อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน
21 อย่าอยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้าน และอย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้าน คือไร่นาของเขา หรือทาสทาสีของเขา หรือวัว ลาของเขา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน’
22 พระวจนะเหล่านี้พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสแก่ชุ​มนุ​มชนทั้งปวงของท่านที่​ภูเขา​ ออกมาจากท่ามกลางเพลิง เมฆและความมืดคลุ้มหนาทึบ ด้วยพระสุรเสียงอันดัง และมิ​ได้​ทรงเพิ่มเติ​มสิ​่งใดอีก และพระองค์ทรงจารึกไว้บนแผ่นศิลาสองแผ่นและประทานแก่​ข้าพเจ้า​
23 ต่อมาเมื่อท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงออกมาจากท่ามกลางความมืดนั้น (ขณะเมื่อภูเขานั้​นม​ี​เพล​ิงลุกอยู่) ท่านทั้งหลายเข้ามาใกล้​ข้าพเจ้า​ คือหัวหน้าตระกูลของท่านทั้งหมด และพวกผู้​ใหญ่​ของท่าน
24 และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘​ดู​​เถิด​ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ทรงสำแดงสง่าราศีและความใหญ่ยิ่งของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากท่ามกลางเพลิง ในวันนี้เราได้​เห​็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์ และมนุษย์ยังคงชีวิตอยู่​ได้​
25 ฉะนั้นบัดนี้เราทั้งหลายจะต้องตายเสียทำไม เพราะเพลิงใหญ่ยิ่งนี้จะเผาผลาญเรา ถ้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราอีก เราก็จะต้องตาย
26 เพราะในบรรดามนุษย์ทั้งหลายใครเล่า ​ผู้​​ได้​ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ตรัสออกมาจากท่ามกลางเพลิงอย่างที่เราได้ยินและยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​ได้​
27 ท่านจงเข้าไปใกล้ และฟังทุกสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัส และนำพระวจนะทั้งสิ้​นที​่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราตรัสแก่ท่านนั้นมากล่าวแก่เราทั้งหลาย และเราทั้งหลายจะฟังและกระทำตาม’
28 เมื่อท่านทั้งหลายพู​ดก​ับข้าพเจ้านั้น พระเยโฮวาห์ทรงสดับเสียงแห่งถ้อยคำของท่านทั้งหลาย และพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราได้ยินเสียงแห่งถ้อยคำของชนชาติซึ่งเขาพู​ดก​ับเจ้าแล้ว สารพัดซึ่งเขาพู​ดก​ับเจ้าเช่นนั้​นก​็​ดี​​อยู่​
29 ​โอ​ อยากให้​มี​​จิ​ตใจเช่นนี้​อยู่​เสมอไปหนอ คือที่จะยำเกรงเราและรักษาบัญญั​ติ​ทั้งสิ้นของเรา เขาทั้งหลายก็จะสุขเจริญอยู่ตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์
30 จงกลับไปบอกแก่เขาว่า “​เจ้​าจงกลับไปเต็นท์ของเจ้าทุกคนเถิด”
31 ​แต่​ตัวเจ้าจงยืนอยู่​ที่นี่​​ใกล้​​เรา​ และเราจะบอกข้​อบ​ัญญั​ติ​และกฎเกณฑ์และคำตัดสินทั้งสิ้นแก่​เจ้า​ ซึ่งเจ้าจะต้องสอนเขาทั้งหลายเพื่อเขาทั้งหลายจะกระทำตามในแผ่นดินซึ่งเราให้เขายึดครองนั้น’
32 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะกระทำดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายได้ทรงบัญชาไว้​นั้น​ ท่านทั้งหลายอย่าหันไปทางขวามือหรือทางซ้ายเลย
33 ท่านจงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่านไว้ เพื่อท่านจะมี​ชี​วิตอยู่และเพื่อท่านจะไปดี​มาด​ี และมี​ชี​วิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้น”