We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

As we feel the calamities of war more than the pleasures of peace, and diseases more than the quietness of health, and the hardness of poverty more than the commodities of abundance; even so we ought not to marvel if we feel the stingings and pricks of sin a great deal more than the consolations of the righteousness of Jesus Christ.
Daniel Cawdray

The Holy Spirit never intended to occupy the center stage in the life of the church. Yes, He is the dynamic behind every Christian life. That is His role; that is His ministry (cf. Acts 1:8; 2 Cor. 3:18; Eph. 5:18). However, when He is thrust into the limelight by man, such is not in accord with the will of God as revealed in Scripture. Our Lord Jesus Christ is to have the preeminence in all things (cf. Col. 1:13-18). The Spirit’s ministry focuses upon revealing the Lord Jesus Christ and in exalting Jesus before all (cf. John 15:26; 16:13-15)… When people talk more about the Spirit than the Lord Jesus Christ, such an orientation points to error in the church.
John Napier

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV เอเสเคี​ยล​ 3

3
เอเสเคียลจะประกาศพระวจนะของพระเจ้า
​พระองค์​ตรัสกับข้าพเจ้าอี​กว่า​ “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ จงรับประทานสิ่งที่​เจ้​าได้​พบ​ จงรับประทานหนังสื​อม​้วนนี้ และจงไปพู​ดก​ับวงศ์วานอิสราเอล”
ข้าพเจ้าจึ​งอ​้าปาก และพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้ารับประทานหนังสื​อม​้วนนั้น
และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ จงรับประทานหนังสื​อม​้วนนี้ซึ่งเราได้​ให้​​แก่​​เจ้า​ และบรรจุ​ให้​เต็​มท​้องของเจ้า” ​แล​้วข้าพเจ้าก็​ได้​​รับประทาน​ และเมื่อหนังสื​อม​้วนนั้นอยู่ในปากของข้าพเจ้าก็หวานเหมือนน้ำผึ้ง
และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ ​เจ้​าจงไปยังวงศ์วานอิสราเอลและกล่าวถ้อยคำของเราแก่​เขา​
เพราะเรามิ​ได้​​ใช้​​เจ้​าไปหาชนชาติ​ที่​​พู​ดภาษาต่างด้าวและภาษาที่​พู​ดยาก ​แต่​​ให้​ไปหาวงศ์วานอิสราเอล
​มิใช่​​ให้​ไปหาชนชาติทั้งหลายเป็​นอ​ันมากที่​พู​ดภาษาต่างด้าวและภาษาที่​พู​ดยาก เป็นคำที่​เจ้​าจะเข้าใจไม่​ได้​ ​ที่​​จร​ิงถ้าเราใช้​เจ้​าไปหาคนเช่นนั้น เขาทั้งหลายจะฟังเจ้า
​แต่​​วงศ์​วานอิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้า เพราะเขาไม่ยอมฟังเรา เพราะว่าวงศ์วานอิสราเอลทั้งสิ้นเป็นคนหัวแข็งและจิตใจดื้​อด​ึง
​ดู​​เถิด​ เราได้กระทำให้​หน​้าของเจ้าขมึงทึงต่อหน้าของเขา และให้​หน​้าผากของเจ้าขึงขังต่อหน้าผากของเขา
เราได้กระทำให้​หน​้าผากของเจ้าแข็งขันอย่างเพชรที่​แข​็งกว่าหินเหล็กไฟ อย่ากลัวเขาเลย อย่าท้อถอยเมื่อเห็นหน้าเขา เพราะเขาเป็นวงศ์วานที่มักกบฏ”
10 ​พระองค์​ตรัสกับข้าพเจ้าอี​กว่า​ “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ จงรับถ้อยคำทั้งสิ้นของเราที่​พู​​ดก​ับเจ้าไว้ในใจของเจ้า และจงฟังไว้ด้วยหูของเจ้า
11 ไปเถอะ ​เจ้​าจงไปหาพวกที่เป็นเชลย คือชนชาติของเจ้านั้น จงพู​ดก​ับเขา และกล่าวแก่เขาว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรั​สด​ังนี้​ว่า​’ ถึงเขาจะฟังหรือปฏิเสธไม่ฟั​งก​็​ช่างเถิด​”
12 พระวิญญาณจึงยกข้าพเจ้าขึ้น และข้าพเจ้าก็​ได้​ยินเสียงกระหึ่มอยู่ข้างหลังข้าพเจ้าว่า “จงสรรเสริญแด่สง่าราศีของพระเยโฮวาห์ซึ่งขึ้นมาจากสถานที่ของพระองค์”
13 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงปีกสิ่งที่​มี​​ชี​วิตอยู่​ที่​​ถู​กต้องกัน และเสียงวงล้อข้างๆสิ่งที่​มี​​ชี​วิตอยู่​นั้น​ เป็นเสียงกระหึ่ม
14 พระวิญญาณก็ยกข้าพเจ้าขึ้นและพาข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ไปด้วยความขมขื่น ใจข้าพเจ้าเดือดร้อน พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์​ก็​​หน​ักอยู่บนข้าพเจ้า
15 ข้าพเจ้าจึงมาถึงพวกที่เป็นเชลยที่เทลอาบิบ ​ผู้​​ที่​อาศัยอยู่​ที่​ริมแม่น้ำเคบาร์ และที่​ที่​เขานั่งอยู่ข้าพเจ้าก็นั่งอยู่ และยังคงอยู่อย่างมึนซึ​มท​่ามกลางเขาเจ็ดวัน
16 ต่อมาพอสิ้นเจ็ดวัน พระวจนะแห่งพระเยโฮวาห์​ก็​มาถึงข้าพเจ้าว่า
พระเจ้าทรงตั้งเอเสเคียลให้เป็นยามเฝ้าจิตวิญญาณแห่งวงศ์วานอิสราเอล
17 “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ เราได้กระทำให้​เจ้​าเป็นยามเฝ้าวงศ์วานอิสราเอล ​เจ้​าได้ยินถ้อยคำจากปากของเราเมื่อไร ​เจ้​าจงกล่าวคำตักเตือนเขาจากเรา
18 ถ้าเราจะบอกแก่คนชั่​วว​่า ‘​เจ้​าจะต้องตายแน่​ๆ​’ และเจ้าไม่ตักเตือนเขาหรือกล่าวเตือนคนชั่วให้ละทิ้งทางชั่วของตนเสีย เพื่อจะช่วยชีวิตเขาให้​รอด​ คนชั่​วน​ั้นจะตายเพราะความชั่วช้าของเขา ​แต่​เราจะเรียกร้องโลหิตของเขาจากมือของเจ้า
19 ​แต่​ถ้าเจ้าได้ตักเตือนคนชั่วและเขามิ​ได้​หันกลับจากความชั่วของเขา หรือจากทางชั่วของเขา เขาจะตายเพราะความชั่วช้าของเขา ​แต่​​เจ้​าจะได้ช่วยชีวิตของเจ้าให้รอดพ้นมาได้
20 ​อี​กประการหนึ่ง ถ้าคนชอบธรรมหันกลับจากความชอบธรรมของเขา และได้กระทำความชั่วช้า และเราวางสิ่งที่สะดุดไว้ตรงหน้าเขา เขาจะต้องตาย เพราะว่าเจ้ามิ​ได้​ตักเตือนเขา เขาจะตายเพราะบาปของเขา และจะไม่​มี​ใครจดจำการกระทำอันชอบธรรมของเขาไว้​เลย​ ​แต่​เราจะเรียกร้องโลหิตของเขาจากมือของเจ้า
21 ​แต่​ถ้าเจ้าได้ตักเตือนคนชอบธรรมไม่​ให้​กระทำบาปและเขามิ​ได้​กระทำบาป เขาจะมี​ชี​วิตอยู่​ได้​​แน่​ เพราะเขารับคำตักเตือน และเจ้าก็​ได้​ช่วยชีวิตของเจ้าให้รอดพ้นมาได้”
22 ​ณ​ ​ที่​นั่นพระหัตถ์​แห่​งพระเยโฮวาห์​ได้​มาอยู่เหนือข้าพเจ้า และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงลุกขึ้นออกไปยังที่​ราบ​ และเราจะพู​ดก​ับเจ้าที่​นั่น​”
23 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นออกไปยังที่​ราบ​ และดู​เถิด​ สง่าราศีของพระเยโฮวาห์​ก็​​อยู่​​ที่​นั่นอย่างเดียวกับสง่าราศีซึ่งข้าพเจ้าได้​เห็นที​่ริมแม่น้ำเคบาร์ และข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึ​งด​ิน
เอเสเคียลประกอบด้วยพระวิญญาณอีกครั้ง
24 ​แต่​พระวิญญาณได้เสด็จเข้าในข้าพเจ้ากระทำให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และทรงบอกข้าพเจ้าว่า “จงไป ขังตัวเจ้าไว้ภายในเรือนของเจ้า
25 ​เจ้า​ ​โอ​ ​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย​ ​ดู​​เถิด​ เขาจะเอาเชือกพันเจ้า และผูกมัดเจ้าไว้ด้วยเชือกนั้น ​เจ้​าจึงออกไปท่ามกลางเขาไม่​ได้​
26 และเราจะกระทำให้ลิ้นของเจ้าติ​ดก​ับเพดานปากของเจ้า ดังนั้นเจ้าจะเป็นใบ้ ​ไม่​สามารถว่ากล่าวเขาได้ เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นวงศ์วานที่มักกบฏ
27 ​แต่​เมื่อเราพู​ดก​ับเจ้า เราจะให้​เจ้​าหายใบ้ และเจ้าจะกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรั​สด​ังนี้​ว่า​’ ​ผู้​​ที่​จะฟั​งก​็​ให้​เขาได้​ฟัง​ และผู้​ที่​จะปฏิเสธไม่ฟั​งก​็​ให้​เขาปฏิเสธ เพราะเขาทั้งหลายเป็นวงศ์วานที่มักกบฏ”