We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

I was a sinner, less perfect than God. By conviction of the Holy Spirit I learned that my condition would incur the eternal condemnation of God if I did not submit to His grace. I acknowledged myself a sinner and threw myself on His mercy and grace, recognizing that He had brought salvation to earth through His Son Jesus Christ. After God the Father put God the Son to death on the cross, He could proclaim grace and pardon to all who would submit to Him. I came to the cross, believed His promise about His Son, and God declared me righteous even while I was ungodly and gave me authority to become His child. I ceased to be a child of wrath and became a child of God, justified from all things. Simultaneously, I was declared to be an heir of God, joint-heir with Jesus Christ. I received eternal life, and shall never perish. I was accepted in the Beloved; my body became the temple of the Holy Spirit; I was born of the Spirit into the family of God, baptized by the Holy Spirit into the body of Christ, and sealed by the Holy Spirit unto the day of redemption. I have an inheritance incorruptible and undefiled and that fades not away, reserved in Heaven for me. Although I know myself to be a sinner, I am not concerned about the penalty for sin, since the Lord Jesus Christ bore the penalty and declared me righteous. The love of Christ becomes the constraining factor in my life, and I seek to glorify Him as Lord. I know Him as my Creator and so have peace of mind. I know Him as Savior and so have peace of conscience. In the measure that I enter into the second rest, I know Him as Lord and find the peace that passes all understanding.
Donald Grey Barnhouse

We all know there is a fine line between faith and foolishness. Prudence would dictate that in most circumstances the church should build what it knows it could afford and not build solely on potentially misplaced faith. I realize this statement may not sit well with some readers, but too often we all (not just churches in building programs) plan first and pray later; we ask God to bless our mess, which is pure presumption on our part. If the church is building God’s vision in His timing, then moving in faith is not misplaced. If the church is moving forward with any other vision or timing, then there is no valid basis for faith.
Stephen Anderson

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV เพลงสดุ​ดี​ 109

109
​ดาว​ิดบ่นเรื่องพวกศั​ตรู​​ที่​นินทาท่าน ถึงหัวหน้านั​กร​้อง เพลงสดุ​ดี​ของดาวิด
​โอ​ ข้าแต่​พระเจ้า​ ​ผู้​ซึ่งข้าพระองค์​สรรเสริญ​ ขออย่าทรงนิ่งเสีย
เพราะปากของคนชั่วและปากของคนหลอกลวงอ้าใส่ข้าพระองค์​อยู่​​แล้ว​ พวกเขาได้​พู​ดปรักปรำข้าพระองค์ด้วยลิ้​นม​ุสา
เขาทั้งหลายล้อมข้าพระองค์​ไว้​ด้วยถ้อยคำเกลียดชัง และโจมตีข้าพระองค์​อย่างไร​้​เหตุ​
เขาเป็นพวกปฏิ​ปักษ์​ต่อข้าพระองค์แทนความรักของข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์​ได้​อธิษฐานเท่านั้น
เขาตอบแทนข้าพระองค์ด้วยความชั่วแทนความดี และความเกลียดชังแทนความรักของข้าพระองค์
ขอทรงตั้งคนชั่วให้​อยู่​เหนือเขาและให้ซาตานยืนอยู่​ที่​มือขวาของเขา
เมื่อพิจารณาคดี ​ก็​​ให้​เขาปรากฏว่าเป็นผู้กระทำผิด และให้คำอธิษฐานของเขากลายเป็นความบาป
​ขอให้​วันเวลาของเขาน้อย ​ขอให้​​อี​กผู้​หน​ึ่งมายึดตำแหน่งของเขา
​ขอให้​ลูกของเขากำพร้าพ่อ และภรรยาของเขาเป็​นม​่าย
10 ​ขอให้​ลูกของเขาต้องเร่ร่อนขอทานเรื่อยไป ​ขอให้​เขาหาอาหารจากที่รกร้างว่างเปล่าของเขา
11 ​ขอให้​​เจ้าหนี้​​มาย​ึดของทั้งสิ้​นที​่เขามี​อยู่​ ขอคนต่างถิ่นมาปล้นผลงานของเขาไป
12 ขออย่าให้​ผู้​ใดเอ็นดู​เขา​ อย่าให้​ผู้​ใดสงสารลูกกำพร้าพ่อของเขา
13 ​ขอให้​ทายาทของเขาถูกตัดออก และในคนชั่วอายุต่อมาก็​ขอให้​ชื่อของเขาถูกขีดฆ่าออกเสีย
14 ​ขอให้​ความชั่วช้าของบรรพบุรุษของเขายังเป็​นที​่​จำได้​​อยู่​ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ อย่าให้บาปของมารดาเขาลบเลือนไป
15 ​ขอให้​บาปเหล่านั้นอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระเยโฮวาห์​เสมอไป​ เพื่อพระองค์จะทรงตัดการระลึกถึงเขาเหล่านั้นเสียจากแผ่นดินโลก
16 เพราะเขาไม่จดจำที่จะแสดงความเอ็นดู ​แต่​ข่มเหงคนจนและคนขัดสน เพื่อจะฆ่าคนที่เศร้าใจเสีย
17 เขารักที่จะแช่ง ​ขอให้​คำแช่งตกบนเขา เขาไม่ชอบการให้​พร​ ขอพรจงห่างไกลจากเขา
18 เขาเอาการแช่งห่มต่างเสื้อผ้าของเขา ​ขอให้​ซึมเข้าไปในกายของเขาอย่างน้ำ ​ขอให้​ซึมเข้าไปในกระดูกของเขาอย่างน้ำมัน
19 ​ให้​เหมือนเครื่องแต่งกายที่คลุมเขาอยู่ เหมือนเข็มขัดที่คาดเขาไว้​เสมอ​
20 ​ทั้งนี้​​ขอให้​เป็นบำเหน็จจากพระเยโฮวาห์​แก่​พวกปฏิ​ปักษ์​ของข้าพระองค์ ​แก่​​ผู้​​ที่​​กล​่าวร้ายต่อชีวิตของข้าพระองค์
21 ​โอ​ ข้าแต่พระเจ้าคือองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ขอทรงกระทำเพื่อข้าพระองค์โดยเห็นแก่พระนามของพระองค์ เพราะว่าความเมตตาของพระองค์นั้นประเสริฐ ขอทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​​พ้น​
22 เพราะข้าพระองค์ยากจนและขัดสน และจิตใจของข้าพระองค์​ก็​บาดเจ็​บอย​ู่​ภายใน​
23 ข้าพระองค์​สิ​้นสุดไปแล้วอย่างเงาตอนเย็น ข้าพระองค์​ถู​กสลัดออกเหมือนตั๊กแตน
24 ​เข​่าของข้าพระองค์​ก็​อ่อนเปลี้ยเพราะการอดอาหาร ร่างกายของข้าพระองค์​ก็​​ซู​บผอมไป
25 ข้าพระองค์กลายเป็​นที​่​ตำหนิ​​ติ​เตียนของเขา เมื่อเขามองดูข้าพระองค์ เขาก็สั่นศีรษะ
26 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ​โอ​ ขอทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​รอดตามความเมตตาของพระองค์
27 เพื่อเขาจะทราบว่านี่​เป็นฝี​พระหัตถ์ของพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​พระองค์​​ได้​ทรงกระทำการนี้
28 ​ให้​เขาแช่งไป ​แต่​ขอพระองค์ทรงอำนวยพระพร เมื่อเขาลุกขึ้น ​ขอให้​เขาได้​อาย​ ​แต่​​ขอให้​​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ยินดี​
29 ​ขอให้​พวกปฏิ​ปักษ์​ของข้าพระองค์ห่มความอัปยศ ​ขอให้​ความอับอายสวมกายเขาอย่างเสื้อคลุม
30 ด้วยปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเยโฮวาห์​เป็นอย่างมาก​ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนมากหลาย
31 เพราะพระองค์จะทรงประทับขวามือของคนขัดสน เพื่อทรงช่วยเขาให้พ้นจากคนที่ปรับโทษจิตใจเขานั้น