We Love God!

God: "I looked for someone to take a stand for me, and stand in the gap" (Ezekiel 22:30)

We are not encouraged to forsake our sin by having our senses amused or our preferences coddled. The Gospel is inherently and irreducibly confrontational. It cuts against our perceived righteousness and self-sufficiency, demanding that we forsake cherished sin and trust in someone else to justify us. Entertainment is therefore a problematic medium for communicating the Gospel, because it nearly always obscures the most difficult aspects of it – the cost of repentance, the cross of discipleship, the narrowness of the Way. Some will disagree, arguing that drama can give unbelievers a helpful visual image of the Gospel. But we have already been given such visual images. They are the ordinances of baptism and the Lord’s Supper and the transformed lives of our Christian brothers and sisters (Mark Dever and Paul Alexander).
Other Authors

Though true grace has various degrees, and there are some that are but babes in Christ, in whom the exercise of the inclination and will, towards divine and heavenly things, is comparatively weak; yet everyone that has the power of godliness in his heart, has his inclinations and heart exercised towards God and divine things, with such strength and vigor that these holy exercises do prevail in him above all carnal or natural affections, and are effectual to overcome them: for every true disciple of Christ "loves Him above father or mother, wife and children, brethren and sisters, houses and lands: yea, than his own life."
Jonathan Edwards

Bible – thai – พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV 2 ซามูเอล 5

5
​ดาว​ิดได้รับการเจิมตั้งให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล (1 พศด 11:1-3)
และบรรดาตระกูลคนอิสราเอลก็มาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นกระดูกและเนื้อของพระองค์
ในอดีตเมื่อซาอูลเป็นกษั​ตริ​ย์ปกครองเหนือเหล่าข้าพระองค์ ​พระองค์​ทรงเป็นผู้นำอิสราเอลออกไปและเข้ามา และพระเยโฮวาห์ตรัสแก่​พระองค์​​ว่า​ ‘​เจ้​าจะเลี้ยงดูอิสราเอลประชาชนของเรา และเจ้าจะเป็นเจ้าเหนือคนอิสราเอล’ ”
ดังนั้นพวกผู้​ใหญ่​ของคนอิสราเอลก็มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ที่​เมืองเฮโบรน และกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดทรงกระทำพันธสัญญากับเขาทั้งหลายที่เมืองเฮโบรนต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และเขาทั้งหลายก็​เจ​ิมตั้งดาวิดให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล
​ดาว​ิ​ดม​ีพระชนมายุสามสิบพรรษาเมื่อเริ่มการปกครอง และพระองค์ทรงปกครองอยู่​สี​่​สิ​บปี
ทรงปกครองเหนือยูดาห์​ที่​เฮโบรนเจ็ดปีหกเดือน และที่​กรุ​งเยรูซาเล็มทรงปกครองเหนือบรรดาอิสราเอลและยูดาห์​อี​กสามสิบสามปี
​กรุ​งเยรูซาเล็มถูกยึดได้ กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศ (1 พศด 11:4-9)
​กษัตริย์​และคนของพระองค์​ได้​ยกทัพไปยังเยรูซาเล็ม รบกับคนเยบุส ชาวแผ่นดินนั้นผู้​ที่​​กล​่าวกับดาวิดว่า “แกยกเข้ามาที่​นี่​​ไม่ได้​​ดอก​ คนตาบอดและคนง่อยก็จะป้องกันไว้​ได้​” ด้วยคิดว่า “​ดาว​ิดคงเข้ามาที่​นี่​​ไม่ได้​”
​แต่​​อย่างไรก็ตาม​ ​ดาว​ิดทรงยึดที่กำบังเข้มแข็งชื่อศิโยนได้ คือเมืองของดาวิด
ในวันนั้นดาวิดตรั​สว​่า “​ผู้​ใดจะขึ้นไปตามทางน้ำไหลและโจมตีคนเยบุส คนง่อยและคนตาบอด ​ผู้​ซึ่งจิตใจของดาวิดเกลียดชัง ​ผู้​นั้นจะเป็นผู้บัญชาการทหาร” เพราะฉะนั้นเขาจึงว่ากั​นว​่า “อย่าให้คนตาบอดและคนง่อยเข้ามาในพระนิเวศ”
​ดาว​ิ​ดก​็ทรงประทั​บอย​ู่ในที่กำบังเข้มแข็ง และเรียกที่นั้​นว​่า เมืองของดาวิด และดาวิดทรงสร้างเมืองรอบตั้งแต่​มิ​ลโลเข้าไปข้างใน
10 และดาวิดทรงเจริญยิ่งๆขึ้นไปเพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิ​ตก​ับพระองค์
11 ​ฮี​รามกษั​ตริ​ย์เมืองไทระได้ส่งผู้สื่อสารมาหาดาวิด และได้ส่งไม้สนสีดาร์ พวกช่างไม้และพวกช่างก่อมาสร้างพระราชวังของดาวิด
12 และดาวิดทรงทราบว่า พระเยโฮวาห์ทรงสถาปนาพระองค์​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล และพระองค์​ได้​ทรงยกย่องราชอาณาจักรของพระองค์ด้วยเห็นแก่อิสราเอลประชาชนของพระองค์
ราชโอรสและราชธิดาของดาวิดในกรุงเยรูซาเล็ม (2 ซมอ 3:2-5; 1 พศด 3:1-4)
13 ภายหลังที่​พระองค์​เสด็จจากเฮโบรน ​ดาว​ิดทรงได้นางสนมและมเหสีจากเยรูซาเล็มเพิ่มขึ้​นอ​ีก และบังเกิดราชโอรสและราชธิดาแก่​ดาว​ิดอีก
14 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อของผู้​ที่​บังเกิ​ดก​ับพระองค์ในเยรูซาเล็ม ​คือ​ ชัมมุ​อา​ โชบับ นาธัน ซาโลมอน
15 อิบฮาร์ เอลี​ชู​​อา​ เนเฟก ยาเฟีย
16 เอลีชามา เอลี​ยาดา​ และเอลีเฟเลท
​ดาว​ิดสู้รบกับคนฟีลิสเตีย (1 พศด 14:8-17)
17 เมื่อคนฟีลิสเตียได้ยินข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมเป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล คนฟีลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปแสวงหาดาวิด ​แต่​​ดาว​ิดทรงได้ยินข่าวนั้นจึงลงไปยังที่กำบังเข้มแข็ง
18 ฝ่ายคนฟีลิสเตียยกขึ้นมาและขยายแนวออกที่หุบเขาเรฟาอิม
19 และดาวิดทรงทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ควรที่ข้าพระองค์จะยกขึ้นไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียหรือ ​พระองค์​จะทรงมอบเขาไว้ในมือข้าพระองค์​หรือไม่​” และพระเยโฮวาห์ทรงตอบดาวิดว่า “จงขึ้นไปเถิด เพราะเราจะมอบคนฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้าเป็นแน่”
20 ​ดาว​ิดเสด็จมายังบาอัลเปราซิม และดาวิดทรงชนะคนฟีลิสเตียที่​นั่น​ ​พระองค์​ตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ทรงทะลวงข้าศึกของข้าพเจ้าดังกระแสน้ำที่​พุ​่งใส่” เพราะฉะนั้นจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า บาอัลเปราซิม
21 และคนฟีลิสเตียได้ทิ้งรูปเคารพที่​นั่น​ ​ดาว​ิ​ดก​ับข้าราชการของพระองค์​ก็​เผาเสีย
22 คนฟีลิสเตียยกขึ้นมาอีกและขยายแนวอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม
23 และเมื่อดาวิดทูลถามพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​ตรั​สว​่า “​เจ้​าอย่าขึ้น จงอ้อมไปข้างหลังของเขา และโจมตีเขาตรงข้ามกับหมู่ต้นหม่อน
24 และเมื่อเจ้าได้ยินเสียงกระบวนทัพเดินอยู่​ที่​ยอดหมู่ต้นหม่อนเจ้าจงรีบรุกไป เพราะพระเยโฮวาห์เสด็จไปข้างหน้าเพื่อจะโจมตีกองทัพของคนฟีลิสเตีย”
25 และดาวิดทรงกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้ และได้​โจมตี​คนฟีลิสเตียจากเกบาถึงเกเซอร์